4 องค์กรจับมือ”ปฏิรูปตลาดทุนไทย” ร่างพิมพ์เขียว“สร้างเสน่ห์”แข่งเวทีโลก

HoonSmart.com>>4 องค์กรรัฐ-เอกชน ไทยจับมือปฏิรูปตลาดทุน เปิด“ร่างมาตรการสร้างเสน่ห์ตลาดทุนไทย” หวังฟื้นความเชื่อมั่นนักลงทุนและยกระดับความสามารถในการแข่งขันสู่เวทีโลท่ามกลางแรงกดดัน

สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง, สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.),ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และสภาธุรกิจตลาดทุนไทย ได้ร่วมกันเปิดตัว “ร่างมาตรการสร้างเสน่ห์ตลาดทุนไทย” หวังฟื้นความเชื่อมั่นนักลงทุนและยกระดับความสามารถในการแข่งขันสู่เวทีโลก

ทั้ง 4 หน่วยงาน เห็นตรงกันว่า ตลาดทุนไทยถือเป็นกลไกสำคัญในการเสริมสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ เป็นแหล่งระดมทุนหลักของภาคธุรกิจและภาครัฐ รวมถึงเป็นทางเลือกการลงทุนระยะยาวของภาคประชาชน ทั้งทางตรงและทางอ้อม โดยสัดส่วนมูลค่าตลาดทุน (ตลาดหุ้นและตลาดตราสารหนี้) เคยสูงถึง 2 เท่าของ GDP ปัจจุบันเฉพาะตลาดหุ้นมีสัดส่วน 87% ของ GDP และเติบโตเกือบ 3 เท่าในรอบกว่า 10 ปีที่ผ่านมา

เมื่อเทียบกับตลาดหุ้นในอาเซียน ตลาดหุ้นไทยยังมีความโดดเด่นในหลายมิติ เช่น สภาพคล่องสูง หุ้นหลายบริษัทติดอันดับดัชนีด้านความยั่งยืนสากล และมีอัตราการจ่ายเงินปันผลสูงที่สุดในภูมิภาค

อย่างไรก็ตาม อัตราผลตอบแทนการลงทุนเฉลี่ยย้อนหลัง 10 ปีกลับอยู่ในระดับต่ำ ปัจจัยท้าทายได้แก่ การถูกปรับลดน้ำหนักในดัชนี MSCI การขาดบริษัทอุตสาหกรรมอนาคต การชะลอการระดมทุน IPO รวมถึงแนวโน้มการลดลงของผู้ลงทุนรายย่อย

แรงกดดันเหล่านี้ ทั้งจากปัจจัยภายในและภายนอกประเทศ ส่งผลต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจและบั่นทอนความเชื่อมั่นนักลงทุน หากไม่เร่งดำเนินมาตรการเพื่อเสริมเสน่ห์และขีดความสามารถในการแข่งขัน ตลาดหุ้นไทยอาจถูกลดทอนบทบาทในฐานะเครื่องยนต์เศรษฐกิจของประเทศ

สำนักงาน ก.ล.ต. ได้ริเริ่มจัดตั้ง คณะทำงาน (Taskforce) เพื่อระดมความคิดเห็น วิเคราะห์ปัญหา และออกแบบมาตรการปฏิรูปตลาดหุ้นไทย โดยเป้าหมายคือการสร้างความยืดหยุ่นและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน

4 กลุ่มมาตรการสร้างเสน่ห์

1. Quality Demand – ส่งเสริมการลงทุนระยะยาวผ่านบัญชีการลงทุนส่วนบุคคล (Individual Investment Account) และเพิ่มบทบาทนักลงทุนสถาบัน

2. Attractive Supply – ดึงดูดกิจการคุณภาพทั้งในและต่างประเทศเข้าสู่ตลาดทุน ปรับขั้นตอน IPO ให้โปร่งใส กระชับ เน้นการเปิดเผยข้อมูล และกำหนด Roadmap การเปิดเผยข้อมูล ESG ตามมาตรฐาน ISSB

3. Trusted Market – ยกระดับธรรมาภิบาลของบริษัทจดทะเบียน เสริมบทบาท gatekeepers และใช้เทคโนโลยีเพิ่มช่องทางการเข้าถึงข้อมูลการเงิน

4. Supportive Ecosystem – พัฒนาระบบนิเวศตลาดทุนด้วยเทคโนโลยี ส่งเสริมการลงทุนรายย่อย และอำนวยความสะดวกให้ผู้ลงทุนต่างชาติใช้สิทธิ e-proxy
การขับเคลื่อนมาตรการตลาดทุนในระยะเริ่มต้น
จะเน้นการสร้างเสน่ห์ให้ตลาดหุ้นเป็นลำดับแรก ผ่านการดำเนินการของ Taskforce เพื่อให้ได้รับข้อเสนอและแรงสนับสนุนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

อย่างไรก็ดี สำนักงาน ก.ล.ต. จะเดินหน้าพัฒนาตลาดทุนในส่วนอื่น ๆ ทั้ง ตลาดตราสารหนี้ ,หน่วยลงทุน ,ตลอดจนการเปลี่ยนผ่านตลาดทุนสู่ ตลาดทุนดิจิทัล เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและส่งเสริมการเข้าถึงการลงทุนของประชาชน (tokenization) โดยจะมีการจัดตั้ง Taskforce ชุดอื่นเพิ่มเติมอีกในระยะต่อไป

เป้าหมายผู้นำ

ศ. ดร.พรอนงค์ บุษราตระกูล เลขาธิการ สำนักงาน ก.ล.ต. กล่าวว่า เชื่อว่าทุกภาคส่วนในตลาดทุนเห็นด้วยกับการที่ตลาดทุนไทยต้องปรับตัว เพื่อสร้างโอกาสและรักษาความสามารถในการแข่งขัน ความท้าทายที่เผชิญอยู่ต้องอาศัยความร่วมมือในการมองโจทย์ เห็นปัญหา และหาทางเปลี่ยนแปลงที่ต้องสอดคล้องและส่งเสริมกันในแต่ละภาคส่วน ไม่สามารถทำได้ด้วยหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งเพียงลำพัง
มาตรการที่นำเสนอจึงควรสกัดมาจากความคิดเห็นร่วมกัน แม้จะเป็นทิศทางที่ต้องใช้เวลาในการดำเนินการ แต่น่าจะสามารถสร้างความเชื่อมั่นและเสน่ห์ให้เกิดขึ้นได้ ซึ่งจะส่งผลดีกับตลาดทุนไทยในระยะยาว

ดร.วโรทัย โกศลพิศิษฐ์กุล ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจระหว่างประเทศ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กล่าวว่า
อยากให้ตลาดทุนไทยเป็นกลไกที่มีประสิทธิภาพในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ และสามารถรับมือกับความท้าทายต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในปัจจุบันและอนาคต สิ่งสำคัญคือ จะต้องเสริมสร้างตลาดทุนให้มีความแข็งแกร่งในทุกด้าน เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นในศักยภาพของตลาดทุน และทำให้ตลาดทุนมีความโปร่งใส ตรวจสอบได้ ซึ่งจะช่วยให้สามารถยกระดับตลาดทุนให้แข่งขันได้ในระยะยาว

นายอัสสเดช คงสิริ กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยมุ่งมั่นทำหน้าที่เป็นกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ด้วยการเสริมสร้างทั้งความน่าสนใจและความเชื่อมั่นในตลาดทุน เรามั่นใจว่า การผนึกกำลังจากทุกภาคส่วนและมาตรการที่ร่วมกันผลักดันในครั้งนี้ จะช่วยยกระดับศักยภาพของตลาดทุนไทยให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น พร้อมดึงดูดทั้งการระดมทุนและการลงทุน ท่ามกลางความท้าทายที่เกิดขึ้น

ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธานกรรมการ สภาธุรกิจตลาดทุนไทย กล่าวว่า ในสถานการณ์ที่ต้องเผชิญความท้าทายทั้งจากในและนอกประเทศ สภาธุรกิจตลาดทุนไทยเชื่อมั่นว่า ความร่วมมือทั้งจากภาครัฐและภาคเอกชนในการดำเนินมาตรการปฏิรูปตลาดทุนครั้งนี้ จะเป็นเครื่องมือสำคัญในการวางรากฐานตลาดทุน เพื่อยกระดับความโปร่งใส เสริมสร้างความเชื่อมั่นให้กับทั้งผู้ลงทุนและผู้ร่วมตลาด และพร้อมเป็นกลไกสำคัญในการสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจไทยอย่างยั่งยืน