ตลาดหุ้น IPO เปิดกว้าง SKIN ขาย 1.20 บ. ONSENS-TURBO โรดโชว์เร่งเข้าปีนี้

HoonSmart.com>>ดัชนีตลาดหุ้นไทยวิ่งขึ้นมาจ่อ 1,300 จุด สูงสุดในรอบกว่า 7 เดือน สะท้อนผ่านพ้นจุดต่ำสุดแล้ว สนับสนุนให้ตลาดเสนอขายหุ้นให้ประชาชนครั้งแรก (IPO) ฟื้นคืนชีพ “SKIN”เคาะราคาขายหุ้นละ 1.20 บาท จำนวน 44 ล้านหุ้น เปิดจองซื้อ 15-17 ก.ย.นี้ เดินหน้าเข้าเทรด mai ประมาณ 24 ก.ย.นี้ ตามมาอีก 2 บริษัท ONSENS กับ TURBO เดินสายโรดโชว์นักลงทุน  18  ก.ย.นี้ จ่อเข้า SET ภายในปีนี้

วันศุกร์ที่ 12  ก.ย. 2568 ดัชนีตลาดหุ้นไทยปิดที่ 1,293.62 จุด เพิ่มขึ้น 5.59 จุด โดยระหว่างวันขึ้นไปแตะ 1,299.19 จุด สูงสุดในรอบกว่า 7 เดือน จ่อระดับ 1,300 จุด สะท้อนบรรยากาศการลงทุนที่มีความคึกคักเพิ่มขึ้น นับเป็นวันที่ทางบรรดาบริษัทที่ปรึกษาทางการเงิน และบริษัทที่เตรียมเสนอขายหุ้นแก่ประชาชนทั่วไป (IPO) มองว่าฟ้าเปิด เหมาะสำหรับการนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์

ล่าสุด บริษัท สกิน ลาบอราทอรี่ (SKIN) ประกอบธุรกิจคิดค้น พัฒนา และขายผลิตภัณฑ์บำรุงผิว เคาะราคาเสนอขาย IPO ออกมาแล้ว ที่ราคา 1.20 บาทต่อหุ้น จำนวน 44 ล้านหุ้น เปิดจองซื้อวันที่ 15-17 ก.ย. 2568 เตรียมเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ประมาณวันที่ 24 ก.ย.นี้ เพื่อนำเงินไปใช้ในการพัฒนาต่อยอดผลิตภัณฑ์เดิม ทำการวิจัย และพัฒนาสินค้าใหม่ในกลุ่มเครื่องสำอาง เวชสำอางบำรุงผิว และผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ

ในขณะที่อีก 2 บริษัท อยู่ระหว่างการเดินสายนำเสนอข้อมูลแก่นักลงทุน(โรดโชว์) กำหนดวันที่ 18  ก.ย.นี้  ประกอบด้วย
บริษัท ออนเซ็น รีทรีต แอนด์ สปา กรุ๊ป (ONSENS) ผู้ให้บริการออนเซ็นและสปาครบวงจรแห่งแรกในไทย ได้รับอนุมัติไฟลิ่งจากก.ล.ต.แล้ว เตรียมขาย  IPO จำนวน 80 ล้านหุ้น คิดเป็น 26.67% ของหุ้นทั้งหมด คาดว่าจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET)ในเดือนต.ค.นี้ เพื่อระดมทุนไปใช้ขยายธุรกิจ พัฒนาโครงการ “Social Wellness Hotel & Spa” ที่ทองหล่อ ชำระคืนเงินกู้ยืม และเป็นเงินทุนหมุนเวียน

บริษัท เงินเทอร์โบ (TURBO) ผู้ให้บริการทางการเงินแก่กลุ่มลูกค้ารายย่อยชั้นนำระดับประเทศที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีและพลังของคนรุ่นใหม่ที่มีศักยภาพเติบโตสูงในอนาคต เตรียมเสนอขายหุ้น IPO ไม่เกิน 537 ล้านหุ้น ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

SKIN เคาะราคา 1.20 บาทต่อหุ้น P/E 12 เท่า

นายวิชา โตมานะ กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) หรือ PST ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นเพิ่มทุน  บริษัท สกิน ลาบอราทอรี่ (SKIN) กล่าวว่า การเสนอขายหุ้น IPO ของ SKIN ในครั้งนี้มีจำนวน 44 ล้านหุ้น ได้กำหนดราคาขายที่หุ้นละ 1.20 บาท

อัตราส่วนราคาต่อกำไรต่อหุ้น (P/E) อยู่ที่ 12 เท่าเมื่อคิดจากผลการดำเนินงานย้อนหลัง 4 ไตรมาส ซึ่งมีส่วนลด หรือ P/E ต่ำกว่าบริษัทที่ทำธุรกิจใกล้เคียงกันที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ 2 แห่ง โดยงบ 6 เดือนแรกของปีนี้มีรายได้ 93.70 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปี 2567 ที่มีรายได้ 122.95 ล้านบาท ส่วนกำไรสุทธิอยู่ที่ 7.63 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปี 2567 ที่มี 3.25 ล้านบาท

กำหนดเปิดให้นักลงทุนสามารถจองซื้อหุ้นระหว่างวันที่ 15-17 ก.ย. 2568 และคาดว่าจะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai)ในวันที่ 24 ก.ย.2568 ในกลุ่มอุตสาหกรรม สินค้าอุปโภคบริโภค

ทั้งนี้การกำหนดราคาไอพีโอเป็นราคาที่เหมาะสม สอดคล้องกับสภาวะตลาดปัจจุบัน คาดว่า SKIN จะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน เนื่องจากมีปัจจัยพื้นฐานที่ดี ฐานะการเงินแข็งแกร่ง มีโอกาสการเติบโตทางธุรกิจอีกมาก จากกระแสตลาดความงามในประเทศที่กำลังเป็นที่นิยม รวมถึงมีความพร้อมในการขยายธุรกิจและออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ในอนาคตโดยเฉพาะในช่วงไฮซีซั่นของปี คือ ไตรมาสที่ 4 ปีนี้ และไตรมาสที่ 1 ปี 2569

หุ้นจิ๋ว 3 จุดเด่น

ดร.สมภพ ศักดิ์พันธ์พนม ประธานกรรมการ บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ หรือ APM ในฐานะที่ปรึกษาการเงิน บริษัท สกิน ลาบอราทอรี่ (SKIN) กล่าวว่า SKIN ได้ลงนามในสัญญาแต่งตั้ง บล. ฟิลลิป (ประเทศไทย) เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นเพิ่มทุน ให้กับประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) พร้อมผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายอีก 4 แห่ง ได้แก่ บล. ไอร่า ,บล. บียอนด์ บล. ซีจีเอส อินเตอร์ เนชั่นแนล (ประเทศไทย)   และบล.ลิเบอเรเตอร์

“หุ้น SKIN เป็นดีลแรกของปี 2568 ที่ APM นำเข้าตลาดหุ้น เป็นหุ้นจิ๋วที่แจ๋ว จากสินค้าที่ได้รับการยอมรับมากว่า 10 ปี มีการใช้นวัตกรรมและช่องทางการจำหน่ายที่หลากหลาย และจากการที่ได้เดินทางไปโรดโชว์ 8 จังหวัด 3 ห้องค้าหลักทรัพย์ มีนักลงทุนให้ความสนใจ จึงมั่นใจว่าจะมีการเติบโตอย่างมั่นคง”ดร.สมภพ กล่าว

นายสมศักดิ์ ศิริชัยนฤมิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ กล่าวว่า ปัจจุบัน SKIN มีทุนจดทะเบียน 72 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญ 144 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท และมีทุนชำระแล้ว 50 ล้านบาท โดยจะเสนอขายหุ้น IPO จำนวน 44 ล้านหุ้น หรือ คิดเป็น 30.55% ของจำนวนหุ้นทั้งหมดภายหลัง IPO เพื่อนำเข้าจดทะเบียนในตลาด maiคาดว่าจะเข้าเทรดได้ภายในวันที่ 28 ก.ย.2568 นี้ เพื่อสร้างการเติบโตและโอกาสทางธุรกิจให้แก่บริษัทต่อไปในอนาคต

บริษัทสกินฯ เป็นบริษัทขนาดเล็กทำธุรกิจที่ใช้สินค้าและการตลาดนำ ความน่าสนใจทางด้านโครงสร้างทางการเงินคือ 1. ทำธุรกิจภายใต้โมเดล Asset-Light ไม่มีสินทรัพย์ขนาดใหญ่ ไม่มีอาคารโรงงาน ทำให้ไม่มีภาระด้านการลงทุนในสินทรัพย์ถาวร แต่มีข้อจำกัดคือไม่มีสินทรัพย์ที่จะนำไปใช้เป็นหลักประกันในการขอกู้ยืมเงินจากธนาคาร เพื่อนำไปขยายธุรกิจ จึงใช้ช่องทางตลาดทุนในการระดมเงินไปออกสินค้าใหม่ที่ผ่านการทำวิจัยและพัฒนาพร้อมจะออกสู่ตลาด กับ การทำตลาดของผลิตภัณฑ์ใหม่

2. ไม่มีภาระหนี้สิน เป็นจุดแข็ง

3. ผลการดำเนินงาน มี GP กำไรขั้นต้นอยู่ประมาณ 75% มีค่าใช้จ่ายในการขาย 50-60% ค่าใช้จ่ายในการบริหาร 10% รายได้และกำไรของบริษัทอยู่ประมาณ 5-10% การเติบโตของรายได้บริษัทจะมีผลอย่างยิ่งในการที่จะทำให้อัตราการทำกำไรของบริษัทสูงขึ้น

เป็นเรื่องที่นักลงทุนต้องติดตามว่า การออกผลิตภัณฑ์ใหม่ของบริษัทในช่วงไฮซีซั่นของปี คือ ไตรมาส 4 ของปีนี้และไตรมาส 1 ปี 2569  ประกอบกับรัฐบาลมีมาตรการเรื่องคนละครึ่งสำหรับคนจ่ายภาษี ซึ่งผลิตภัณฑ์นี้จะได้รับอานิสงส์ไปด้วย

การที่เป็น Asset-Light Operation จะทำให้ ROA และ ROE ดีด้วย ถ้าสินค้าใหม่ที่ออกมาได้รับการตอบรับดี จะไหลตรงมาที่รายได้และอัตรากำไร ส่วนการจะเติบโตอย่างยั่งยืนอยู่ที่ความตั้งใจของผู้บริหารและคณะกรรมการของบริษัท

ทั้งนี้ จากการทำหน้าที่เป็น FA มาตลอด 4 ปีที่ทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด ได้เห็นความตั้งใจจริงของบริษัทในการสร้างแบรนด์สกินแคร์คุณภาพที่เทียบเคียงได้กับระดับสากล ในราคาที่ผู้บริโภคส่วนใหญ่เข้าถึงได้ ซึ่งวันนี้เป็นวันที่ฟ้าเปิด จังหวะการลงทุนในตลาดหุ้นเหมาะสม ในการนำหุ้น SKIN เข้าตลาด และมั่นใจว่าเมื่อเข้าตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ แล้วจะสร้างการเติบโตให้กับผู้ลงทุน

สำหรับ SKIN เริ่มต้นธุรกิจจากผลิตภัณฑ์ดูแลผิว หรือ สกินแคร์ และมีสินค้ากลุ่มที่ 2 ของบริษัท เป็นเวชสำอางค์ หรือผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางค์ ภายใต้แบรนด์ เดอร์มี่ (Dermie) ที่เปิดตลาดเมื่อ 2-3 เดือนที่ผ่านมาและได้รับการตอบรับที่ดี และต้นสัปดาห์หน้าจะมีการออกสินค้ากลุ่มที่ 3 คือเครื่องสำอางค์ ที่จะผลักดันให้เติบโตด้วยเงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้

ตั้งเป้าอีก 3 ปีรายได้โตเท่าตัว 

นายชาญวิทย์ เขียวนาวาวงศ์ษา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สกิน ลาบอราทอรี่ (SKIN)กล่าวว่า บริษัททำธุรกิจคิดค้น พัฒนา และจำหน่ายผลิตภัณฑ์บำรุงผิว โดยคิดและพัฒนาสูตรร่วมกับโรงงานผู้ผลิตที่ได้รับมาตรฐานการรับรองคุณภาพภายใต้ 2 แบรนด์หลัก คือ Skinsista (สกินซิสต้า) และแบรนด์เวชสำอาง Dermie (เดอร์มี่) ถือเป็นบริษัทขนาดเล็ก มียอดขายระดับ 200 ล้านบาทต่อปี มีนโยบายจ่ายเงินปันผล 40% จากกำไรสุทธิ มีโอกาสที่จะสามารถเติบโตได้อีกมากในยุคที่ตลาดความงามกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว

สำหรับ ในช่วงที่เหลือของปีนี้จะมีการออกสินค้าใหม่ภายใต้ 2 แบรนด์ข้างต้น ประมาณ 20 เอสเคยู แบ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับหน้า และปาก 11 เอสเคยู เป็นเมคอัพที่ผสานสกินแคร์บำรุงผิวเข้าไปด้วย ราคาประมาณ 300 บาท คาดว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีเพราะถือว่าเป็นสินค้าที่ยังไม่เคยมีในตลาด เฉพาะแบรนด์เวชสำอาง Dermie ที่เพิ่งเปิดตัวเมื่อ 2-3 เดือนที่ผ่านมา มีอัตราการเติบโตของยอดขายเพิ่มขึ้นเป็นตัวเลข 2 หลัก

กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความนิยมจากผู้บริโภคได้แก่ เซรั่มบำรุงผิว ครีมบำรุงผิว ครีมกันแดด รวมไปถึงแป้งผสมรองพื้นที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ทั้งนี้ผลิตภัณฑ์ของบริษัทสามารถหาซื้อได้ในร้านค้าปลีกสมัยใหม่ (Modern Trade) ทั้ง Convenience Store และ Specialty Store อาทิ Watsons, CJ MORE NINE BEAUTY, 7-11, Beautrium , Konvy เป็นต้น และช่องทาง Online อาทิ Shopee, Lazada,Tiktok shop และจะมีการเปิดขายผ่าน อีฟแอนด์บอย เพิ่มอีกหนึ่งช่องทาง

นายชาญวิทย์ กล่าวว่า บริษัทมีแผนนำเงินที่ได้จากการระดมทุน มาใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนขับเคลื่อนการเติบโตในระยะยาว โดยแบ่งเป็นการลงทุนเพื่อพัฒนาต่อยอดผลิตภัณฑ์เดิม วิจัย-พัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ในกลุ่มเครื่องสำอาง เวชสำอางบำรุงผิว และผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ เพื่อขยายฐานผลิตภัณฑ์และเพิ่มศักยภาพการแข่งขันในตลาด

นอกจากนี้ยังจะนำไปใช้เป็นค่าใช้จ่ายด้านการตลาดและการประชาสัมพันธ์ เพื่อสร้างการรับรู้ให้กับแบรนด์ Skinsista และ Dermie ด้วยงบประมาณสำหรับขยายช่องทางจำหน่ายให้ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายทั่วประเทศ รวมถึงตลาดต่างประเทศเพื่อรองรับการเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง

สำหรับ บริษัทลักษณะ Asset-Light Operation กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นทั่วโลก โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกาและยุโรป แม้แต่บริษัทสกินแคร์ ที่มีโรงงานผลิตเป็นของตัวเอง ยังมีการใช้โรงงานข้างนอกที่มีความเชี่ยวชาญกว่าในการผลิต ซึ่งเป็นผลจากการที่เทคโนโลยีที่มีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว และสินค้าที่มีความซับซ้อนมากขึ้น สินค้าแต่ละประเภทต้องการกระบวนการผลิตที่แตกต่างกันไป จะทำให้ SKIN ไปช้อปปิ้งโรงงานผลิตที่มีความเก่งเฉพาะด้านในแต่ละประเภทสินค้า มาร่วมกันพัฒนาและนำเสนอสินค้าที่แตกต่างออกไปจากตลาดได้ และด้วยจำนวนพนักงานที่มีอยู่ 30 คน ทำให้มีความคล่องตัวในการตอบสนองการเปลี่ยนแปลงของตลาดได้เร็ว โดยแนวคิดตั้งต้นของสินค้าจะมาจากบริษัทเป็นหลัก ซึ่งปัจจุบันมีนักวิจัยที่มีความเชี่ยวชาญด้านนี้อยู่ 4 คน

“แผนปีนี้ กับปีหน้า มุ่งพัฒนาสินค้าใหม่ รวมถึงขยายช่องทางการขายให้ครอบคลุมมากขึ้น ในระยะถัดไปจะเพิ่มสินค้ากลุ่มสุขภาพ และรุกตลาดต่างประเทศ โดยตั้งเป้าหมายว่าใน 3 ปีข้างหน้ารายได้จะเติบโตเท่าตัวจากปัจจุบัน”นายชาญวิทย์ กล่าว