ไทยขึ้นท็อป 5 ท่องเที่ยวเชิงสุขภาพโลกได้! สถิติพุ่งแรง-แนะใส่แผนเวลเนสในธุรกิจดันเป้า

HoonSmart.com>>กรุงเทพดุสิตเวชการ แนะผู้ประกอบการใส่แผนเวลเนสในธุรกิจชิงรายได้ก้อนโต 8.9 ล้านล้านเหรียญ ดันไทยติดท็อป 5 ของโลกด้านท่องเที่ยวเชิงสุขภาพได้ อดีตเคยยืนที่ 7 ก่อนหล่นแถว 15 ย้ำเครื่องยนต์ติดแล้วหลังโตแรงสุดในโลกปี’66

นายแพทย์ตนุพล วิรุฬ์หการุญ ประธานคณะผู้บริหาร บีดีเอ็มเอส เวลเนส คลินิก และบีดีเอ็มเอส เวลเนส รีสอร์ท บริษัทกรุงเทพดุสิตเวชการ (BDMS) กล่าวในเวทีเสวนา Reinventing Industries- From Traditional to Innovation – Driven Growth ว่าไทยมีศักยภาพก้าวขึ้นติด Top 5 ของโลกในด้าน Wellness Tourism ได้ หากสามารถต่อยอดจุดแข็งด้านสาธารณสุขและการท่องเที่ยวให้ครบวงจร เพราะก่อนโควิดไทยอยู่อันดับ 7 ของโลก หลังจากโควิดตกลงมาอยู่อันดับ 15 ของโลก

ข้อมูลล่าสุดจาก Global Wellness Institute (GWI) ระบุว่า 11 เศรษฐกิจเวลเนสกลายเป็น“เครื่องยนต์ใหม่” ของเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทย หลังเกิดโควิด-19 ขนาดตลาดเวลเนสทั่วโลกขยายตัวจาก 4 ล้านล้านดอลลาร์ในปี 2563 สู่ 6.3 ล้านล้านดอลลาร์ในปี 2566 และคาดว่าจะพุ่งแตะ 9 ล้านล้านดอลลาร์ภายในปี 2571 หรือในอีก 3 ปีข้างหน้าโตเฉลี่ยปีละ 7.3%

สำหรับ เวลเนสที่มีแนวโน้มเติบโตเร็วและมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุด อันดับ 1 คือ กลุ่ม ความงาม 1.2 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ อันดับ 2 กลุ่มชะลอวัย อาหาร ลดน้ำหนัก 1.09 ล้านล้านเหรียญ  อันดับ 3 การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Wellness Tourism) ซึ่งถูกยกให้เป็น “ไฮไลต์” ของเศรษฐกิจไทย

ขณะที่ 3 กลุ่มธุรกิจที่คาดว่าจะโตเร็วที่สุดในช่วงปี 2566–2571 ได้แก่ ธุรกิจ เวลเนสเรียลเอสเตท ที่อยู่อาศัยที่อยู่แล้วทำให้สุขภาพดี มีอายุยืนยาว คาดว่าจะโตเฉลี่ยปีละ 15.8%, ธุรกิจเวลเนสด้านการจัดการความเครียด 12.2%, และ ธุรกิจเวลเนสด้านการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ

ข้อมูลของ GWI ระหว่างปี 2565–2566 เศรษฐกิจเวลเนสของไทยเติบโต 28.4% สูงสุดในโลก ขณะที่ด้าน Wellness Tourism มีจำนวนคนที่บินเข้ามารักษาตัวในไทยเติบโตถึง 119.5% เป็นอันดับ 2 ของโลก รองจากจีน แซงหน้าประเทศใหญ่อย่างอินเดียและอินโดนีเซีย

“ก่อนโควิด Wellness Tourism ไทยเคยอยู่อันดับ 7 ของโลกในด้านการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ แต่การหยุดชะงักจากโรคระบาดทำให้ร่วงไปอยู่ที่อันดับ 15 ผมจึงมองว่า ไทยมีโอกาสติด Top 5 ของโลกได้ หากสามารถพัฒนา ecosystem ด้านสุขภาพครบวงจร ตั้งแต่การป้องกัน (preventive care), การส่งเสริมสุขภาพ (promotive care) ที่ทุกบริษัทสามารถช่วยกันได้ ด้วยการใส่แผนธุรกิจที่มีด้านเวลเนสเข้าไป ” นายแพทย์ตนุพล กล่าว

นายแพทย์ตนุพล กล่าวว่า แม้ไทยมีชื่อเสียงระดับโลกด้านการท่องเที่ยว การแพทย์ และการบริการ แต่ยังมีจุดอ่อนเรื่องการพึ่งพาการนำเข้าเทคโนโลยีและยา หากไม่นำเข้ายา ไทยจะเหลืองเพียงยาสมุนไพร ฟ้าทะลายโจร มะขามแขก และ มะขามป้อม ที่สามารถผลิตได้เอง

ในยุคที่ “สุขภาพคือความมั่งคั่ง” (Health is Wealth) ไทยสามารถก้าวสู่ผู้นำด้านเวลเนสทัวริซึ่มได้ หากทุกฝ่ายร่วมมือกัน และใส่แผนด้านเวลเนสเข้าไปในธุรกิจ ถ้าทำสำเร็จไทยจะเป็น แหล่งพักฟื้นและเยียวยาของโลก หรือเป็น Wellness Hub ของโลกได้ แต่ถ้าไม่สำเร็จ คนไทยจะมีสุขภาพดี อายุยืนยาว และทรมานการก่อนตายสั้นที่สุด