เงินบาทแข็งค่าผิดปกติจ่อเห็น 31 ธปท.คลายเกณฑ์ป้องปรามเก็งกำไร

HoonSmart.com>>บาทแข็งค่าเร็วและผิดปกติจ่อเห็น 31 บาทต่อดอลลาร์ ธปท.ผ่อนคลายมาตรการป้องปรามเก็งกำไรค่าเงินบาท  หลักเกณฑ์ควบคุมแลกเปลี่ยนเงิน ดีเดย์ 1 ธ.ค.68 ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองไม่ได้ชะลอการแข็งค่าของเงินบาทโดยตรง เพิ่มความยืดหยุ่นทำธุรกรรมที่เป็น Real flows  การค้า/การลงทุน/การชำระเงินรองรับธุรกรรมเงินขาไหลเข้า-ออกสมดุลมากขึ้น ส่วนเงินบาทที่มีแรงกดดันแข็งค่าในระยะนี้ สาเหตุสำคัญจากเงินดอลลาร์ฯ ที่อ่อน แรงหนุนจากราคาทองคำในตลาดโลก

เมื่อวันที่ 1 ก.ย. 2568 ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)ประกาศปรับปรุงหลักเกณฑ์มาตรการป้องปรามการเก็งกำไรค่าเงินบาท (มาตรการป้องปรามฯ) ของผู้มีถิ่นที่อยู่นอกประเทศ (Non-Resident: NR) เช่น บุคคลที่ไม่มีสัญชาติไทย บริษัท กิจการ สถาบัน กองทุน หรือสถาบันการเงินที่ตั้งอยู่นอกประเทศ เป็นต้น และ NR ที่ไม่ใช่สถาบันการเงินตามที่กำหนด (NR Non-FI) รวมถึงมีการปรับหลักเกณฑ์การควบคุมการแลกเปลี่ยนเงินตามแผนพัฒนาระบบนิเวศของตลาดอัตราแลกเปลี่ยน โดยเกณฑ์ที่มีการปรับปรุงใหม่แบ่งออกเป็น 2 เรื่องหลัก ได้แก่

1. การผ่อนคลายมาตรการป้องปรามฯ สำหรับ NR และ NR Non-FI โดย  NR ธปท. ผ่อนคลายเพิ่มเติมให้สถาบันการเงินในประเทศสามารถให้สินเชื่อสกุลเงินบาท ซื้อตราสารหนี้สกุลเงินบาทที่ NR ออกขายในไทย รวมถึงการค้ำประกันสกุลเงินบาทให้กับ NR และการทำธุรกรรมอนุพันธ์อ้างอิงตราสารหนี้ที่เกี่ยวข้องกับเงินบาท/ราคาตราสารทุนและอนุพันธ์ด้านเครดิตได้ นอกจากนี้ยังมีการผ่อนปรนธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับเงินบาทอื่น ๆ อาทิ การขยับวงเงินที่สถาบันการเงินออกหุ้นกู้สกุลเงินบาทและขายให้กับ NR และปรับเกณฑ์การกู้เงินบาทของบริษัทหลักทรัพย์จาก NR ให้ทำได้ตามความจำเป็นด้วยเช่นกัน (ตารางที่1 ในภาคผนวก)

สำหรับ NR Non-FI มีการเพิ่มความคล่องตัวของขั้นตอนเอกสารและการขออนุญาตจากธปท. ธุรกรรมบางประเภทที่สถาบันการเงินทำกับ NR Non-FI ที่ผ่านกระบวนการ Know Your Business (KYB) ที่ทำให้สถาบันการเงินรู้จักและมีความเข้าใจลักษณะการทำธุรกิจของลูกค้าที่เกี่ยวข้องกับเงินบาทมากขึ้น รวมถึงมีการยกเลิกการจำกัดยอดคงค้าง ณ สิ้นวันของบัญชีเงินบาท NRBA/NRBS ด้วยเช่นกัน

อย่างไรก็ดี จะเห็นว่าการผ่อนคลายเกณฑ์ในหลาย ๆ ธุรกรรมที่เสมือนเป็นการปล่อยสภาพคล่องเงินบาทยังคงจำกัดวงเงินให้สามารถทำได้ตามภาระ/มูลค่า Underlying หรือมูลค่าการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานในประเทศที่กำหนด ขณะที่ กรณีไม่มี Underlying ยังคงมีการจำกัดวงเงินธุรกรรมไว้ที่ไม่เกิน 200 ล้านบาทต่อกลุ่ม NR (รวมธุรกรรมปล่อยสภาพคล่องบาทอื่น ๆ)

2. การผ่อนคลายหลักเกณฑ์ควบคุมการแลกเปลี่ยนเงิน โดยเรื่องหลัก ๆ มีการผ่อนคลายหลักเกณฑ์การโอนเงินออกนอกประเทศ โดยหากเป็นการส่งเงินแบบให้เปล่าแก่บุคคลในต่างประเทศขยายวงเพิ่ม จากเดิมไม่เกิน 50,000 ดอลลาร์สหรัฐ/ปี เป็นไม่เกิน 200,000 ดอลลาร์สหรัฐ/ปี นอกจากนี้ยังมีการผ่อนคลายให้สามารถโอนเงินออกนอกประเทศ โดยไม่ต้องขออนุญาตจาก ธปท. (ปรับลด Negative List) ซึ่งได้แก่ การชำระค่าสินทรัพย์ดิจิทัลในต่างประเทศของกองทุนรวมและกองทุนส่วนบุคคล และการให้กู้แก่ NR ที่เป็นกิจการในเครือและไม่ใช่สถาบันการเงิน สามารถทำได้โดยไม่ต้องขออนุญาต

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมีมุมมองต่อการผ่อนคลายเกณฑ์การเก็งกำไรเงินบาท (ทั้งมาตรการจำกัดการปล่อยสภาพคล่องเงินบาท และมาตรการดูแลเงินทุนนำเข้า) ให้ NR ครั้งนี้ ดังนี้

การผ่อนคลายเกณฑ์การเก็งกำไรเงินบาทให้กับ NR  มีจุดมุ่งหมายเพื่อสร้างสมดุลเงินทุนเข้า-ออก เนื่องจากโครงสร้างเศรษฐกิจไทยมีการเกินดุลการชำระเงิน ทำให้มีการไหลเข้าของเงินตราต่างประเทศมากกว่าการไหลออก โดยส่วนใหญ่ในช่วงที่ผ่านมา ประเทศไทยมีการเกินดุลการชำระเงิน ซึ่งเป็นหนึ่งในแรงกดดันที่ทำให้เงินบาทแข็งค่า ดังนั้น การคลายเกณฑ์ครั้งนี้อาจช่วยเติมเต็มระบบนิเวศของตลาดอัตราแลกเปลี่ยน FX ecosystem ให้มีความสมบูรณ์มากขึ้น เพราะจะช่วยเสริมสร้างความสมดุลและความยืดหยุ่นให้กับธุรกรรมการเงินระหว่างประเทศ โดยเฉพาะธุรกรรมประเภท Real flows ที่มีการค้า/การลงทุน/การชำระเงินรองรับ

ขณะเดียวกันยังมีการจำกัดวงเงินและประเภทธุรกรรมที่มีผลต่อการปล่อยสภาพคล่องเงินบาทให้กับ NR ไม่ได้เปิดเต็มที่ทั้งหมด เช่น
o กรณีการปล่อยสินเชื่อสกุลเงินบาท แม้จะทำได้ตามยอด Underlying ในส่วนของการให้เงินกู้, การเปิด L/C, Trust Receipt, ตั๋วแลกเงินและตั๋วสัญญาใช้เงิน แต่สำหรับการให้วงเงิน OD และธุรกรรมที่ไม่มี Underlying ยังมีการจำกัดวงเงินไว้ที่ไม่เกิน 200 ล้านบาท/กลุ่ม NR

o ไม่สามารถให้สินเชื่อสกุลเงินบาทเกินมูลค่าการลงทุนในโครงการที่เกี่ยวข้องกับโครงสร้างพื้นฐาน/อุตสาหกรรม และหากก่อนสัญญาสินเชื่อครบกำหนดแล้วมูลค่าโครงการลงทุนฯ ลดลงโดยเหตุผลอื่นนอกเหนือการปรับตามราคาตลาด สถาบันการเงินต้องเรียกเงินบาทคืนจาก NR เพื่อไม่ให้สินเชื่อเกินกว่ามูลค่าการลงทุน

• หากเป็นขาที่สถาบันการเงินกู้ยืมเงินบาทจาก NR จะสามารถให้ทำได้ในวงเงินไม่เกินกว่า Underlying อีกขาหนึ่งของสถาบันการเงินที่เอาสินเชื่อก้อนนั้นไปปล่อยต่อให้กับผู้มีถิ่นที่อยู่ในประเทศ หรือ Resident หรือถ้าไม่มี Underlying ก็จะมีการจำกัดวงเงินไว้ที่ 10 ล้านบาท/กลุ่ม NR ซึ่งสะท้อนว่า ไม่อยากให้มีผลต่อความผันผวนในด้านเงินบาทแข็งค่า

เป็นที่น่าสังเกตว่า ธปท. ยังคงมาตรการส่วนอื่น ๆ ที่ช่วยลดความเสี่ยงของการเก็งกำไรค่าเงินบาท ไว้ตามเดิม ไม่มีการปรับเปลี่ยน เพราะอนุญาตเฉพาะธุรกรรม Forward, Swap, Cross Currency Swap และ Options ที่มี Underlying รองรับเท่านั้น ยังไม่อนุญาตให้ทำธุรกรรมอนุพันธ์ด้านตลาดอ้างอิงราคาตราสารหนี้ (เป็นการทั่วไป) ราคา/ดัชนีราคาทองคำ รวมถึงธุรกรรมซื้อ-ขายหลักทรัพย์ที่มีสัญญาว่าจะขาย-ซื้อคืนภายหลังในลักษณะที่เป็นการปล่อยสภาพคล่องเงินบาท

ดังนั้น คาดว่า ในระยะสั้น การผ่อนคลายเกณฑ์ดังกล่าวอาจไม่ได้ส่งผลในการชะลอการแข็งค่าของเงินบาท หรือทำให้เงินบาทเปลี่ยนทิศกลับมาอ่อนค่า เนื่องจากการแข็งค่าของเงินบาทยังคงเป็นผลมาจากทิศทางราคาทองคำและการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์ฯ เป็นหลัก อย่างไรก็ดี การผ่อนคลายเกณฑ์ดังกล่าวจะช่วยเพิ่มความสมดุลให้กับการไหลเข้าออกของเงินทุนเคลื่อนย้ายมากขึ้น

ทางด้านธนาคารกสิกรไทย มองกรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ (8-12 ก.ย.2568) ที่ระดับ 31.80-32.80 บาท/ดอลลาร์ จากปิดตลาดเมื่อวันศุกร์ที่ 5 ก.ย.ที่ 32.19 บาท/ดอลลาร์