HoonSmart.com>>บลจ.กรุงศรี มอง “ตราสารหนี้โลก” น่าสนใจ รับแนวโน้มดอกเบี้ยขาลง คาดเฟดลด 2 ครั้งปีนี้ ลงต่อปีหน้าเหลือ 3% ชูกองทุน PIMCO GIS Income Fund โอกาสลงทุน ด้วยนโยบายบริหารเชิงรุก สร้างผลตอบแทนจากการลงทุนตราสารหนี้ทั่วโลก

นายเกียรติศักดิ์ ปรีชาอนุสรณ์, CFA ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนทางเลือก บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กรุงศรี จำกัด กล่าวว่า ภาพรวมเศรษฐกิจสหรัฐฯ มีแนวโน้มชะลอตัว โดยเฉพาะภาคตลาดแรงงานของสหรัฐฯ ที่ตัวเลขการว่างงานเพิ่มสูงขึ้น ด้านตลาดมีการคาดการณ์ว่า FED อาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 2 ครั้งในปีนี้ ครั้งแรกในการประชุมเดือนก.ย.นี้ และมีความเป็นไปได้ที่อัตราดอกเบี้ยจะปรับลงไปอยู่ที่ 3.0% ภายในสิ้นปี 2569
สำหรับกลยุทธ์การลงทุนที่ได้รับความนิยมในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยขาลงและตลาดมีความผันผวน คือการลงทุนในกองทุนตราสารหนี้คุณภาพสูง เพื่อเพิ่มโอกาสในการสร้างกระแสเงินสดที่มั่นคงและลดความเสี่ยงจากความผันผวนของตลาด ดังนั้นการเพิ่มสัดส่วนของตราสารหนี้คุณภาพดีทั่วโลกเข้าไปในพอร์ตจึงเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์ ซึ่งเราจะแนะนำกองทุนที่มีการกระจายลงทุนในตราสารหนี้หลากหลายประเภททั่วโลก พร้อมกับปรับพอร์ตอย่างยืดหยุ่นเพื่อจัดการความเสี่ยง และเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนตามภาวะตลาดและอัตราดอกเบี้ยที่เปลี่ยนแปลง
นายเกียรติศักดิ์ กล่าวว่า สิ่งที่ต้องจับตา 2 ประเด็น คือ นโนบายของเฟด หากเงินเฟ้อกระตุกขึ้นจากภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ซึ่งมีโอกาสสูงขึ้นถึง 3.2% อาจทำให้การลดดอกเบี้ยช้าลง ทำให้ Capital Gain อาจช้าลง แต่ได้ผลตอบแทนสูงขึ้น และอีกประเด็นการที่บอนด์ยีลด์ปรับตัวสูงขึ้นจากศาลอุทธรณ์ตัดสินภาษีนำเข้าสหรัฐฯของทรัมป์ผิดกฎหมาย
ส่วนการเทขายพันธบัตรสหรัฐในตอนนี้ ส่วนหนึ่งจากความกังวลภาระหนี้ของสหรัฐที่จะสูงขึ้นจากนโยบาย One Big Beautiful Bill และผลของศาลฎีกาสหรัฐจะตีความภาษีนําเข้าสหรัฐฯ
“ตราสารหนี้ยังเป็นสินทรัพย์ที่น่าลงทุนแม้อัตราดอกเบี้ยจะอยู่ในช่วงขาลง โดยตราสารหนี้ที่มีอายุยาวยังคงมีผลตอบแทนที่สูง ขณะเดียวกันผลตอบแทนจากตราสารหนี้ สามารถรับได้ทั้งจากอัตราดอกเบี้ย และส่วนต่างจากราคาหน้าตั๋ว (Capital gain) จึงแนะนำกองทุนตราสารหนี้ที่ลงทุนในกองทุนหลัก PIMCO GIS Income Fund”นายเกียรติศักดิ์
Ms. Lily Feng, Vice President, Product Strategist จาก PIMCO กล่าวว่า แม้สถานการณ์ทางเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์ในหลายภูมิภาคยังคงมีความท้าทาย แต่ตลาดตราสารหนี้คุณภาพดีทั่วโลกยังคงมีผลตอบแทนที่สูงขึ้นและมีศักยภาพเติบโตในระยะยาว โดยเฉพาะในตลาดตราสารหนี้ของประเทศที่พัฒนาแล้วยังเป็นทางเลือกการลงทุนที่นักลงทุนให้ความสนใจ ทั้งนี้การปรับตัวลดลงของผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลและส่วนต่างเครดิต (credit spreads) ที่แคบลงสะท้อนถึงความเชื่อมั่นในตราสารหนี้คุณภาพสูง
นอกจากนี้ PIMCO ยังคาดการณ์ว่าแรงกดดันด้านเงินเฟ้อจะเริ่มลดลงในบางภูมิภาค ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการปรับลดอัตราดอกเบี้ย และราคาพันธบัตรจะปรับตัวสูงขึ้นส่งผลให้ผลตอบแทนจากตราสารหนี้หลายกลุ่มเริ่มปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างน่าสนใจ และในช่วงเวลาตลาดผันผวนการลงทุนในตราสารหนี้คุณภาพดีทั่วโลก ช่วยลดความผันผวนและเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนในช่วงดอกเบี้ยขาลง
PIMCO มองช่วงเวลานี้เป็นจังหวะที่ดีสำหรับการลงทุนในตราสารหนี้ทั่วโลก ซึ่งปัจจุบันกองทุนพอร์ตลงทุนของกองทุนได้ผลตอบแทนเริ่มต้น (Starting Yield) จากการถือตราสารหนี้ค่อนข้างสูงเฉลี่ย 6.3% ขณะที่ Rating AA- โดยไม่ต้องแลกด้วยความเสี่ยงที่สูงมาก และการบริหารจัดการพอร์ต Active และ Flexible สูง ปัจจุบันมีอายุเฉลี่ยของพอร์ตอยู่ที่ประมาณ 5 ปี (จาก 0-8 ปี)ซึ่งเหมาะสมกับการคาดการณ์ Yield Curve ที่จะชันขึ้น (ระยะสั้นลงเร็วกว่าระยะยาว) เพื่อ Capture Return ได้ดีที่สุด
นอกจากนี้มีการกระจายความเสี่ยงไปยังตราสารหนี้นอกสหรัฐฯ ที่คาดว่าจะลดดอกเบี้ยได้มาก เช่น ออสเตรเลียและอังกฤษ จากมุมมองที่แตกต่างจากตลาดอย่างออสเตรเลียซึ่งแนวโน้มเศรษฐกิจที่อาจเติบโตได้ช้าทำให้ธนาคารกลางต้องลดดอกเบี้ยมาก จึงมองเห็นโอกาสในการลงทุน รวมทั้งมองมูลค่า (Valuation) ของตราสารหนี้ที่น่าสนใจ ซึ่งช่วงที่ผ่านมา PIMCO ได้เพิ่มน้ำหนักลงทุนในตราสารหนี้ Quality Grade เนื่องจากมีราคาไม่แพง เมื่อเทียบ High Yield Credit ค่อนข้างแพง และมีความเปราะบางหากมีอะไรเกิดขึ้นก็มีโอกาสปรับฐานลงมาได้ จึงลดน้ำหนัก High Yield Credit ลง
ทั้งนี้ กองทุน PIMCO GIS Income Fund เข้าถึงโอกาสการลงทุนในตลาดตราสารหนี้มูลค่ากว่า 156 ล้านล้านดอลลาร์ทั่วโลก ด้วยกระบวนการคัดสรรสินทรัพย์ที่มีประสิทธิภาพจึงมีศักยภาพในการเติบโตและเพิ่มโอกาสสร้างรายได้ที่มั่นคงและสม่ำเสมอให้กับกองทุน โดยอัตราผลตอบแทนจากการถือครองเฉลี่ยของหลักทรัพย์ในพอร์ตการลงทุนของกองทุน PIMCO GIS Income Fund อยู่ที่ 6.51% ณ เดือนกรกฎาคม 2025” (ที่มา PIMCO : 27 ส.ค. 2568 I ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนรวมไม่สามารถใช้เป็นการยืนยันผลการดำเนินงานในอนาคต)
ปัจจุบันบลจ.กรุงศรีมีเม็ดเงินลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ PIMCO GIS Income Fund สูงสุดในอุตสาหกรรม มูลค่าเงินลงทุนรวมกันมากกว่า 20,000 ล้านบาท ผ่าน 7 กองทุนที่เสนอขาย สะท้อนถึงความนิยมในกองทุน (ข้อมูลจากมอร์นิ่งสตาร์ไทยแลนด์ ณ 22 ส.ค. 2568)
นายเกียรติศักดิ์ กล่าวเสริมว่า สำหรับกองทุนตราสารหนี้ของ บลจ.กรุงศรี ที่มีนโยบายลงทุนในกองทุนหลัก PIMCO GIS Income Fund จำนวน 7 กองทุน ครบทุกความต้องการของผู้ลงทุน ได้แก่ กองทุน KF-CSINCOME เหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการสะสมการเติบโตของผลตอบแทนไว้ในกองทุน กองทุน KF-SINCOME เหมาะกับนักลงทุนที่มองหาแหล่งสร้างผลตอบแทนในรูปแบบรายได้ประจำ ด้วยนโยบายของกองทุนที่มีการขายคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติ สำหรับผู้ที่ต้องการโอกาสสร้างผลตอบแทนส่วนเพิ่มจากอัตราแลกเปลี่ยนโดยมีทั้งกองทุนชนิดสะสมมูลค่า (KF-SINCOME-FX-A) และกองทุนที่มีการรับซื้อคืนอัตโนมัติ (KF-SINCOME-FX-R) ให้เลือกลงทุน และกองทุนใหม่ล่าสุดอย่าง KF-SINCOME-USD ที่เปิดให้ลงทุนเป็นดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นสกุลเดียวกับกองทุนหลัก เหมาะกับผู้ที่มีการออมเป็นสกุลเงินนี้อยู่แล้ว นอกจากนี้ยังมีกองทุน KF-SINCOMERMF และกองทุน KF-SINCOME-FXRMF ที่ให้สิทธิในการลดหย่อนภาษีควบคู่กับโอกาสรับผลตอบแทนที่ดีในระยะยาวอีกด้วย
ด้านผลการดำเนินงานของกองทุน PIMCO GIS Income สามารถสร้างผลตอบแทนได้ 18.5% (25 ส.ค.66-22 ส.ค.68) แม้ดอกเบี้ยสหรัฐฯ ไม่ได้ปรับลดลงอย่างที่คาด แต่ PIMCO สามารถบริหารจัดการและหาโอกาสในการสร้างผลตอบแทน ทำให้ผลงานค่อนข้างดี แต่การลงทุนผ่านกองทุนในไทยเมื่อแปลงกลับมาเป็นเงินบาทผลตอบแทนก็ลดลงตามต้นทุนการ Hedging ที่ราว 2.7% ดังนั้นการเลือกลงทุนในแต่ละกองทุนขึ้นอยู่กับความเสี่ยงที่รับได้ ซึ่งกองทุนมีทั้งป้องกันความเสี่ยงค่าเงินและไม่ได้ป้องกันความเสี่ยงค่าเงิน อย่างไรก็ตามกองทุนก็ยังสร้างผลตอบแทนที่ดีกว่าตราสารหนี้ไทย
“ตอนนี้ค่าเงินบาทเทียบดอลลาร์ประมาณ 32 บาทกว่า ซึ่งไม่สอดคล้องกับพื้นฐานเศรษฐกิจไทยเท่าใดนัก ถ้ามองว่าเงินบาทไม่แข็งค่าไปกว่านี้แล้ว และรับความเสี่ยงค่าเงินได้ อาจเลือกกองทุนที่ไม่ทำการป้องกันความเสี่ยงค่าเงิน หรือหากถือเงินสกุลดอลลาร์ไว้ในมืออยู่แล้ว ก็เลือกลงทุนในกองทุนที่เป็นสกุลเงินดอลลาร์ได้ ซึ่งผลตอบแทนก็จะล้อไปกับกองทุนหลัก โดยไม่มีค่าเงินมาเกี่ยวข้อง”
