ดัชนีเชื่อมั่นนักลงทุนขึ้นสู่ ‘ร้อนแรง’ เงินทุนไหลเข้า-ศก.ฟื้น เชียร์หุ้นแบงก์

HoonSmart.com>>สภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) เผยผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนในเดือนส.ค. พบทะยานขึ้นสู่ ‘ร้อนแรง’  อีก 3 เดือนข้างหน้า จากนักลงทุนทั้ง 3 กลุ่ม เว้นนักลงทุนไทย  ได้แรงหนุนจากเงินทุนไหลเข้าและเศรษฐกิจฟื้น ส่วนปัจจัยฉุดคือสถานการณ์การเมืองไทยและเศรษฐกิจไทยถดถอย  กลุ่มหุ้นที่น่าสนใจมากที่สุดคือธนาคาร  ส่วนพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ไม่น่าสนใจมากที่สุด

นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index) ผลสำรวจในเดือนส.ค. 2568 (ระหว่างวันที่ 20-31 ส.ค.) พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index: ICI) ในอีก 3 เดือนข้างหน้าปรับขึ้นมาอยู่ในเกณฑ์ “ร้อนแรง” ที่ระดับ 120.22 นักลงทุนมองว่าการไหลเข้าของเงินทุน เป็นปัจจัยหนุนความเชื่อมั่นมากที่สุด รองลงมาคือการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และการประกาศอัตราดอกเบี้ยนโยบาย กนง. ส่วนปัจจัยที่ฉุดความเชื่อมั่นนักลงทุนมากที่สุด ได้แก่ สถานการณ์ทางการเมืองในประเทศ รองลงมาคือการถดถอยของเศรษฐกิจในประเทศ และผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน

สำหรับดัชนีความเชื่อมั่นรวมทุกกลุ่มนักลงทุนในอีก 3 เดือนข้างหน้า (พ.ย. 2568) อยู่ในเกณฑ์ “ร้อนแรง” (ช่วงค่าดัชนี 120-159) ที่ระดับ 120.22 จากกลุ่มนักลงทุนบุคคลอยู่ในเกณฑ์ “ทรงตัว” ในขณะที่กลุ่มบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ กลุ่มนักลงทุนสถาบันอยู่ในเกณฑ์ และนักลงทุนต่างประเทศอยู่ในเกณฑ์ “ร้อนแรง”

หมวดธุรกิจที่น่าสนใจมากที่สุด คือ หมวดธนาคาร (BANK)
หมวดธุรกิจที่ไม่น่าสนใจมากที่สุด คือ หมวดพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ (PROP)

ผลสำรวจ ณ เดือนส.ค.2568  ความเชื่อมั่นกลุ่มนักลงทุนบุคคล ปรับเพิ่ม 11.0% อยู่ที่ระดับ 96.55 กลุ่มบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ปรับเพิ่ม 67.1% อยู่ที่ระดับ 130.00 กลุ่มนักลงทุนสถาบันในประเทศปรับลด 6.1% อยู่ที่ระดับ 130.00 และกลุ่มนักลงทุนต่างประเทศปรับเพิ่ม 100.00% อยู่ที่ระดับ 133.33

ตลอดเดือนส.ค. 2568 ดัชนี SET เคลื่อนไหวภายใต้แรงกดดันทั้งจากเศรษฐกิจที่ชะลอตัว สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างไทย—กัมพูชาที่ยังไม่คลี่คลาย รวมถึงสถานการณ์ทางการเมืองซึ่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้นางสาว แพทองธาร ชินวัตร พ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรีรวมถึงรัฐมนตรีพ้นจากตำแหน่งทั้งคณะ จากกรณีคลิปเสียงหลุดกับฮุน เซนของกัมพูชา

อย่างไรก็ตาม มีปัจจัยหนุนจากการที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติเอกฉันท์ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% จาก 1.75% เป็น 1.50% ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) มีแนวโน้มลดดอกเบี้ยในเดือนก.ย. โดย SET Index ณ สิ้นเดือนส.ค.ปิดที่ 1,236.61 จุด ลดลง 0.46% จากเดือนก่อนหน้า ปริมาณซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 50,672 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 21,816 ล้านบาท โดยตั้งแต่ต้นปี 2568 นักลงทุนต่างชาติยังคงขายสุทธิรวม 84,384 ล้านบาท

ปัจจัยต่างประเทศที่น่าติดตาม ได้แก่ นโยบายการเงินและการประกาศอัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟดและทิศทางการเจรจาการค้าระหว่าง สหรัฐฯ-จีน หลังตกลงขยายเวลาชะลอภาษีไปอีก 90 วัน ในส่วนของปัจจัยในประเทศที่น่าติดตาม ได้แก่ สถานการณ์ทางการเมืองไทยในการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความต่อเนื่องของนโยบาย การเบิกจ่ายงบประมาณ และความเชื่อมั่นของนักลงทุน ผลการตัดสินของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองต่อ”คดีชั้น 14“ ของนายทักษิณ ชินวัตร และสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างไทย—กัมพูชา