HoonSmart.com>>” เวฟ บีซีจี” (WAVE BCG ) ผู้ให้บริการ Climate Solution ครบวงจร ในกลุ่ม WAVE ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นหน่วยรับดำเนินงานตรวจประเมินรับรอง G – Green อย่างเป็นทางการ มุ่งสู่ผู้นำด้านการให้คำปรึกษาสำหรับธุรกิจโรงแรมอย่างยั่งยืนเต็มรูปแบบ ปักหมุดหมายปี 68-69 ส่งเสริมโรงแรมและรีสอร์ตในภูเก็ต 600 แห่งได้รับรองมาตรฐาน Green Hotel Plus หนุนรายได้เติบโต
นายกรกช สงวนปิยะพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เวฟ บีซีจี (WAVE BCG ) ผู้ให้บริการ Climate Solution ครบวงจร ในเครือบริษัท เวฟ เอกซ์โพเนนเชียล (WAVE) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นหน่วยรับดำเนินงานตรวจประเมินและรับรอง G – Green ในประเภทโครงการยกระดับโรงแรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมสู่มาตรฐานสากล (Green Hotel Plus) โดยกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อมอย่างเป็นทางการ นับเป็น 1 ใน 8 บริษัทฯ ในประเทศไทยที่ได้รับการแต่งตั้งในครั้งนี้ ตอกย้ำถึงความเชี่ยวชาญและความมุ่งมั่นของบริษัทฯ ผู้ให้บริการ Climate Solution อย่างครบวงจร
บริษัทฯ ได้ผ่านเกณฑ์การขึ้นทะเบียนที่เข้มงวดของกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม และยังมีบุคลากรที่ได้รับการรับรองให้เป็นผู้ตรวจประเมิน (Auditor) ตามมาตรฐาน Green Hotel Plus ปัจจุบันบริษัทฯ พร้อมให้บริการตรวจประเมินสถานประกอบการในภาคธุรกิจโรงแรมอย่างมืออาชีพ และพร้อมมุ่งสู่ผู้นำด้านการให้คำปรึกษาสำหรับธุรกิจโรงแรมอย่างยั่งยืนเต็มรูปแบบ ตั้งแต่การให้บริการเป็นที่ปรึกษาของมาตรฐานและประสานคณะกรรมการตรวจประเมิน (Auditor) อย่างครบวงจรตั้งแต่ต้นจนจบ และบริษัทฯ ยังมีเครื่องมือในการจัดการก๊าซเรือนกระจกอย่างครบวงจร ตลอดจนมีคาร์บอนเครดิตและใบรับรองพลังงานหมุนเวียน (RECs) เพียงพอให้สามารถชดเชยการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้แก่โรงแรมได้
นายกรกช กล่าวว่า บริษัทฯ มุ่งให้บริการเป็นที่ปรึกษาและเป็นผู้ตรวจประเมิน Green Hotel Plus แก่กลุ่มลูกค้าในโครงการนำร่องของรัฐบาล เช่น โครงการ Phuket Sandbox ก่อนจะขยายการให้บริการไปยังจังหวัดอื่นๆ ทั่วประเทศ ซึ่งการได้รับการรับรอง Green Hotel Plus จะช่วยยกระดับการดำเนินงานของโรงแรมในประเทศไทยสู่ความยั่งยืน และไม่เพียงแต่สร้างภาพลักษณ์ที่ดีด้านสิ่งแวดล้อม แต่ยังเป็นการลดต้นทุน จากการใช้ทรัพยากรธรรมชาติและพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งการปรับตัวตามมาตรฐานถือเป็นเรื่องเร่งด่วน เนื่องจากข้อกำหนดของสหภาพยุโรป (EU) ที่เข้มงวดความยั่งยืนมากขึ้น ทำให้ธุรกิจโรงแรมไทยต้องรักษาความสามารถการแข่งขันและดึงดูดกลุ่มนักท่องเที่ยวที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม
อย่างไรก็ตามการเปลี่ยนผ่านนี้ ผู้ประกอบการควรต้องได้รับการสนับสนุนจากทุกภาคส่วน โดยเฉพาะจากภาครัฐและสถาบันการเงิน เพื่อช่วยผู้ประกอบการนำมาตรฐาน Green Hotel Plus ไปปฏิบัติได้อย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ
“ เราก้าวขึ้นเป็นผู้นำด้านการให้คำปรึกษาสำหรับธุรกิจโรงแรมอย่างยั่งยืนเต็มรูปแบบ ตั้งเป้าปี 2568-2569 จะส่งเสริมโรงแรมในพื้นที่ภูเก็ต ได้รับการรับรองตามมาตรฐาน Green Hotel Plus จำนวนไม่น้อยกว่า 600 แห่ง เพื่อเตรียมความพร้อมในการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมการท่องเที่ยวยั่งยืนระดับโลกในปี 2569 และจะขยายกลุ่มเป้าหมายไปยังจังหวัดท่องเที่ยวหลัก และจังหวัดท่องเที่ยวเมืองรอง เพื่อผลักดันรายได้เติบโตและเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศอย่างยั่งยืน” นายกรกช กล่าว
