‘ดิจิทัล เอดจ์ บี.กริม’ตอกเข็มฤกษ์ ดาต้าเซ็นเตอร์ 24,520 ลบ. เปิดปลายปี 69

HoonSmart.com>>”บี.กริม เพาเวอร์” (BGRIM) และ ดิจิทัล เอดจ์ ร่วมตอกเข็มฤกษ์ โครงการศูนย์ดาต้าเซ็นเตอร์ มูลค่า 24,520 ล้านบาท ตั้งเป้าเปิดให้บริการปลายปี  69  ยกระดับโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล ขับเคลื่อนประเทศไทยสู่การเป็นศูนย์กลาง AI และ Cloud ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สร้างผลตอบแทนที่โดดเด่น เฉลี่ยอยู่ในระดับเลขสองหลัก

บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ (BGRIM) หนึ่งในผู้ผลิตพลังงานชั้นนำของประเทศไทย และบริษัท ดิจิทัล เอดจ์ (สิงคโปร์) โฮลดิ้งส์ (Digital Edge) ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มดาต้าเซ็นเตอร์ชั้นนำระดับเอเชีย ร่วมทุนในนาม บริษัท ดิจิทัล เอดจ์ บี.กริม (ไทยแลนด์) ร่วมพิธีตอกเข็มฤกษ์ศูนย์ดาต้าเซ็นเตอร์แห่งแรก ภายในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) จังหวัดชลบุรี สำหรับเฟสแรก ก่อสร้างขนาด 100 เมกะวัตต์ ซึ่งมีเป้าหมายจะเปิดให้บริการเฟสแรก 48 เมกะวัตต์ในไตรมาส 4 ปี 2569 โดยจะให้บริการครอบคลุมทั้งในส่วนของโลเคชั่นความหนาแน่นสูง การเชื่อมต่อระหว่างศูนย์ รวมถึงคลาวด์โซลูชันแบบผสมผสาน เพื่อรองรับลูกค้ากลุ่มไฮเปอร์สเกล และกลุ่มธุรกิจ AI รวมถึงองค์กรที่ต้องการเปลี่ยนผ่านธุรกิจสู่ดิจิทัล พร้อมเดินหน้าสู่การเป็นศูนย์กลางสำคัญสำหรับผู้ให้บริการ AI และ Cloud ที่ต้องการขยายธุรกิจในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ยกระดับโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลสมรรถนะสูงของประเทศไทย ตลอดจนเป็นมาตรฐานใหม่ด้านความยั่งยืนในภูมิภาค

ดร. ฮาราลด์ ลิงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ เปิดเผยว่า พิธีตอกเข็มฤกษ์โครงการพัฒนาศูนย์ดาต้าเซ็นเตอร์ไฮเปอร์สเกลในครั้งนี้ นับเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในการนำวิสัยทัศน์ของ บี.กริม เพาเวอร์ และ ดิจิทัล เอดจ์ มาสู่การลงมือจริง โดยโครงการนี้ไม่เพียงตอบสนองต่อความต้องการของผู้นำด้านเทคโนโลยีระดับโลก แต่ยังจะช่วยขับเคลื่อนอนาคตดิจิทัลของไทย และส่งเสริมบทบาทของประเทศไทยให้ก้าวขึ้นเป็นศูนย์กลางดิจิทัลชั้นนำในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อีกด้วย

ด้าน นายจอห์น ฟรีแมน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ ดิจิทัล เอดจ์ กล่าวเสริมว่า ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของ ดิจิทัล เอดจ์ ในการร่วมกับ บี.กริม เพาเวอร์ พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่จะสามารถรองรับเทคโนโลยี AI ได้อย่างยั่งยืน ในระดับขนาดและความเร็วที่สอดคล้องกับความมุ่งมั่นของลูกค้าและความต้องการของภูมิภาค เชื่อว่าโครงการนี้จะเป็นรากฐานสำคัญต่อการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลอย่างแท้จริงของประเทศไทย เพื่อตอบสนองต่อความต้องการด้าน AI และ Machine Learning ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว

สำหรับโครงการพัฒนาศูนย์ดาต้าเซ็นเตอร์ไฮเปอร์สเกล ออกแบบมาให้มีประสิทธิภาพด้านพลังงานสูงเป็นพิเศษ มีค่า PUE (Power Usage Effectiveness) ต่ำ ตามมาตรฐานสากลของศูนย์ดาต้าเซ็นเตอร์ชั้นนำของโลก โดยบริษัทและทีมที่ปรึกษาชั้นนำที่มีความเชี่ยวชาญด้านดาต้าเซ็นเตอร์โดยเฉพาะ ซึ่งนับเป็นมาตรฐานระดับโลกในการใช้พลังงานอย่างคุ้มค่า เพื่อมอบโครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่ง มีเสถียรภาพ และรองรับการเติบโตของเทคโนโลยีในอนาคตได้อย่างมั่นคง โดยมีเป้าหมายจะเปิดให้บริการเฟสแรกในไตรมาส 4 ปี 2569 ด้วยการสนับสนุนจากพอร์ตพลังงานหมุนเวียนขนาดใหญ่ของ บี.กริม เพาเวอร์ เชื่อมั่นได้ว่า เมื่อแล้วเสร็จศูนย์ดาต้าเซ็นเตอร์แห่งนี้จะมีบทบาทสำคัญที่ทำให้การพัฒนาและการใช้งานระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในระดับไฮเปอร์สเกล (AI-at-scale) มีประสิทธิภาพและยั่งยืนยิ่งขึ้น

ทั้งนี้ ศูนย์ดาต้าเซ็นเตอร์ยังถือเป็นธุรกิจที่มีศักยภาพในการสร้างผลตอบแทนที่โดดเด่น โดยเฉลี่ยอยู่ในระดับเลขสองหลัก ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ได้รับความสนใจจากทั้งนักลงทุน สถาบันการเงินทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงผู้ใช้งานทั่วโลก ทั้งนี้ พลังงานสะอาด ผ่าน Direct PPA สำหรับกลุ่มดาต้าเซ็นเตอร์ จะเป็นกลไลหลักที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ และสนับสนุนความยั่งยืน หากได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐอย่างทันท่วงที จะช่วยยกระดับศักยภาพการแข่งขันและสร้างประโยชน์ต่อเศรษฐกิจไทยในระยะยาว

ความร่วมมือนี้เป็นหนึ่งในสามเสาหลัก ที่จะต่อยอดวางรากฐานในอนาคตที่เรียกว่า “Digital Infrastructure as a Service” หรือ ระบบโครงสร้างดิจิทัลครบวงจรแบบพร้อมใช้งาน ประกอบด้วย

1.Data Center ที่เริ่มต้นจากการสร้างศูนย์จัดเก็บและประมวลผลข้อมูล ขนาดใหญ่

2.Energy Platform-as-a-Service การมีบริการด้านพลังงานที่ออกแบบ มาเพื่อรองรับ Data Center และอุตสาหกรรมโดยเฉพาะ เช่น สามารถรวมแหล่งพลังงานหลายรูปแบบ มีระบบไฟฟ้าอัจฉริยะ (Smart Grid) และมีระบบจัดการพลังงานให้ใช้ไฟอย่างคุ้มค่าและประหยัดที่สุด

3.Industrial Digital Services บริการเสริมสำหรับภาคอุตสาหกรรมที่ช่วยให้โรงงานหรือธุรกิจที่มีอยู่เดิม มีระบบการทํางานอัจฉริยะขึ้นด้วยการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล เช่น เครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูลในโรงงานด้วยเทคโนโลยี หรือระบบบริหารจัดการ เมื่อรวมทั้ง 3 เสาหลักนี้เข้าด้วยกัน จะไม่เพียงเป็นการสร้างบริการดิจิทัล แต่ยังเป็นการยกระดับสู่ระบบนิเวศดิจิทัลครบวงจร ที่ช่วยเพิ่มขีดความสามารถของประเทศไทยในเวทีโลก