HoonSmart.com>>ไทยถูกมองเป็น “จุดหมายการลงทุน” ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สะท้อนผ่านตัวเลขลงทุน FDI 35% ในปี 2567 ชี้จุดแข็ง ความพร้อมด้านท่าเรือน้ำลึก สนามบินนานาชาติ เครือข่าย FTA ครอบคลุม 24 ประเทศ พร้อมนโยบายผลักดันดิจิทัล-พลังงานสะอาด ชัดเจนสุด ตอกย้ำความได้เปรียบเชิงกลยุทธ์ที่ต่างชาติใช้เป็นเกณฑ์ตัดสินใจลงทุน แนะเกษตรกรเร่งนำเทคโนฯช่วยเพาะปลูกลดต้นทุน
ในงาน Thailand Focus 2025 จัดโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย มีการเสวนาภายใต้หัวข้อ “Competitiveness and Investment Climate” โดยมี ดร.พิพัฒน์ เหลืองนฤมิตชัย หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร เป็นผู้ดำเนินรายการ และมีผู้ร่วมเสวนา ประกอบด้วย นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการ คณะกรรมการการส่งเสริมการลงทุน (BOI), นายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์ (CP) และ ดร.ชวพล จริยาวิโรจน์ ประธาน หัวเว่ย เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด (Huawei)
ประเทศไทยมีศักยภาพแข่งขันแค่ไหนเมื่อเทียบกับภูมิภาค?
นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการการส่งเสริมการลงทุน (BOI) กล่าวว่า ไทยยังมีศักยภาพในการแข่งขันทางเศรษฐกิจค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค ดังจะเห็นได้จาก

-อัตราการเติบโตในการลงทุนในประเทศไทยในปี 2567 ที่เพิ่มขึ้นจากปี 2566 ถึง 35% ซึ่งถือเป็นอัตราสูงสุดในรอบ 10 ปี โดยมีการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศหลักๆ คือ สิงคโปร์ จีน ฮ่องกง ไต้หวัน และญี่ปุ่น และประเทศไทยมีความโดดเด่นสำหรับนักลงทุนเพราะมีท่าเรือน้ำลึก สนามบินนานาชาติ
-มีโครงสร้างพื้นฐานทั้งในแง่การคมนาคมและศูนย์รวมข้อมูลชั้นนำที่ก้าวหน้ากว่าประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค
-ไทยได้ลงนามข้อตกลงการค้าเสรี 17 ฉบับ กับ 24 ประเทศ และกำลังเจรจาการค้ากับกลุ่มประเทศสหภาพยุโรป และแคนาดาอีกด้วย
-ไทยมีศักยภาพโดดเด่นในด้านซัพพลายเชน โดยเฉพาะในธุรกิจยานยนต์ และเทคโนโลยี กลุ่มธุรกิจพลังงานสีเขียว พลังงานสะอาด และเทคโนโลยีก้าวหน้า
-รัฐบาลยังออกมาตรการต่างๆ ที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่นักลงทุนต่างชาติ เช่น การตั้งศูนย์บริการครบวงจร (one-stop service) ที่อาคารวัน แบงคอก และการออกวีซ่า 10 ปีพ่วงใบอนุญาตทำงานให้กับแรงงานที่มีทักษะ เป็นต้น ทำให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่น่าอยู่และดึงดูดทั้งภาคธุรกิจและแรงงาน
“แต่สิ่งที่ประเทศไทยยังต้องพัฒนาก็คือความสามารถของแรงงานไทย ซึ่งกำลังอยู่ในขั้นตอนการสร้างความร่วมมือกับกระทรวงศึกษาธิการและกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม”นายนฤตม์ กล่าว
กำแพงภาษีของสหรัฐฯ ว่ามีผลกระทบต่อประเทศไทยในแง่ศักยภาพการแข่งขัน และความน่าดึงดูดใจในการลงทุนอย่างไร?
นายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์ (CP) กล่าวว่า เครือเจริญโภคภัณฑ์ยังมีการลงทุนในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง ประมาณหนึ่งพันล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี รวมถึงบริษัทในเครือ เช่น CP Axtra, CPF และ CP All ก็ยังมีการลงทุนในประเทศไทยรวมกว่าหนึ่งพันล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปีเช่นกัน

ทั้งนี้ ในมุมมองของนานศุภชัย ไทยมีพื้นฐานที่เข้มแข็ง อันจะเห็นได้จาก
-การลงทุนด้านข้อมูลและเทคโนโลยีที่เพิ่มมากขึ้นในประเทศไทย ทำให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางสำคัญในอาเซียนและภูมิภาคเอเชีย โดยเฉพาะการลงทุนในการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ (AI) ซึ่งประเทศไทยเป็นฐานการลงทุนโดยตรงอันดับหนึ่งของประเทศจีนในภูมิภาคอาเซียน
-ไทยได้เปรียบในแง่ฐานที่ตั้ง โครงสร้างพื้นฐาน แรงงานที่มีทักษะ ทั้งที่เป็นแรงงานในประเทศและแรงงานต่างประเทศที่เลือกมาพำนักในประเทศไทย ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะนโยบายต่างๆ ของประเทศที่ดึงดูดและเอื้อให้แรงงานและภาคธุรกิจต่างประเทศต้องการมาลงทุน/ทำงานในไทย เช่น นโยบายอนุญาตให้ต่างชาติถือกรรมสิทธิ์ที่ดินในไทยได้ 99 ปี เป็นต้น
“แม้จะมีความท้าทายต่างๆ ปรากฏให้เห็นเด่นชัดในช่วงปีที่ผ่านมา แต่ประเทศไทยก็ยังเป็น “ที่ที่ใช่” สำหรับนักลงทุนในระยะยาวอย่างแน่นอน”นายศุภชัย กล่าว
ดร.ชวพล จริยาวิโรจน์ ประธานบริษัทหัวเหว่ย เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด (Huawei) กล่าวว่า บริษัทได้เริ่มเข้ามาในประเทศไทยเมื่อ 28 ปีที่แล้ว ด้วยความมุ่งหวังที่จะตั้งฐานที่มั่นในไทย เพราะ

-ไทยเป็นพื้นที่ที่มีความแข็งแกร่งทางภูมิศาสตร์
-มีความต้องการในเทคโนโลยีระดับสูง
-ปัจจุบันไทยเป็นศูนย์กลางการพัฒนาเทคโนโลยีในอาเซียนและเป็นฐานการพัฒนาเทคโนโลยีระดับภูมิภาคที่มีศักยภาพที่จะขยายเป็นศูนย์กลางของโลกในอนาคต
“ปัจจุบันนี้เทคโนโลยีดิจิทัลเป็นผู้เล่นหลักในตลาดการลงทุน และทุกภาคธุรกิจต้องพึ่งพาการสนับสนุนทางเทคโนโลยีในการดำเนินการและเติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด”ดร.ชวพล กล่าว
ดร.ชวพล (Huawei) กล่าวว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการพัฒนาเทคโนโลยีอย่างมากเห็นได้จากนโยบายที่ออกมา
-นโยบาย Cloud First Policy เป็นการยืนยันว่าไทยกำลังไปในทิศทางที่ถูกต้องและเป็นประโยชน์ต่อบริษัทเทคโนโลยี เช่น หัวเว่ย ซึ่งบริษัทไม่ได้มองแค่ว่าประเทศไทยเป็นฐานการพัฒนาเทคโนโลยี แต่ยังเป็นมิตรประเทศกับประเทศจีน ทั้งสองประเทศมีความสัมพันธ์กันมายาวนานและจะพัฒนาให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นไปผ่านการลงทุนทางเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง
กำแพงภาษี 19% จากสหรัฐว่าจะส่งผลกระทบต่อไทยอย่างไร?
นายนฤตม์ (BOI) มองว่า ประเทศไทยยังถือว่าได้เปรียบอยู่ จากพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่ยังดี อีกทั้งทีมเจรจาของรัฐบาลก็กำลังพยายามเจรจากับสหรัฐอย่างเต็มความสามารถเพื่อให้ประเทศไทยได้ผลประโยชน์สูงสุด ซึ่งเรื่องภาษีเป็นเกมระยะยาวที่สามารถปรับเปลี่ยนและเจรจาได้ตลอดเวลา ทำให้ประเทศที่น่าลงทุนสำหรับนักลงทุน
นายศุภชัย (CP) กล่าวว่า เครือเจริญโภคภัณฑ์ ได้รับประโยชน์จากกำแพงภาษีเพราะว่าในอดีตเครือฯ ได้นำเข้าวัตถุดิบจากอเมริกาใต้และยุโรป การนำเข้าวัตถุดิบจากสหรัฐจะส่งผลดีให้กับเครือฯ ได้มากขึ้นในระยะยาว
ทั้งนี้ ได้ให้ข้อเสนอแนะว่า
-ควรพัฒนาภาคเกษตรกรรมในไทยให้ทัดเทียมกับนานาชาติ โดยเฉพาะเกษตรกรผู้ปลูกข้าวหอมมะลิ และข้าวโพด ที่ควรจะพัฒนาจากการเพาะปลูกดั้งเดิมไปสู่การเพาะปลูกแบบอุตสาหกรรม
-ควรพัฒนาเทคโนโลยีการเพาะปลูก ในกลุ่มผู้ปลูกผลไม้ต่างๆ
-เกษตรกร ควรรวมกลุ่มกันเป็นสหกรณ์เพื่อช่วยเหลือในการพัฒนาการเพาะปลูกซึ่งกันและกัน
ช่องว่างแรงงานและโอกาสในอนาคตควรเดินไปทางไหน?
ดร.ชวพล (Huawei) มองว่า ประเทศไทยได้พบกับความท้าทายอันหลากหลาย แต่ก็เป็นการสร้างโอกาสทางธุรกิจให้กับกลุ่มธุรกิจเช่นกัน เพราะทำให้ภาคธุรกิจซัพพลายเชน และโลจิสติกส์ต้องสร้างความแตกต่างในการบริการให้กับกลุ่มธุรกิจที่หลากหลาย เช่น ภาคเกษตรกรรม เป็นต้น
พร้อมกับเสนอความเห็นว่า ไทยควรนำเทคโนโลยี และ AI เข้ามาช่วยพัฒนาธุรกิจเพื่อให้การเพาะปลูกทำได้มาตรฐานยิ่งขึ้น และทำให้ภาคเทคโนโลยีต้องยิ่งพัฒนาตนเอง เช่น
หัวเหว่ย ก็เน้นการลงทุนในการวิจัยและพัฒนามากถึง 25% ของงบประมาณในแต่ละปี
สิ่งที่จะช่วยให้ประเทศไทยสามารถแก้ปัญหาช่องว่างทักษะในแรงงานได้ ก็คือ
-การวางนโยบายให้ดึงดูดแรงงานต่างชาติที่จะเข้ามาทำงานในประเทศ ซึ่งนอกจากจะเป็นทางลัดในการแก้ไขปัญหานี้แล้ว ยังเอื้อให้มีการถ่ายทอดความรู้ให้กับแรงงานไทยอีกด้วย ซึ่งจะทำให้แรงงานไทยพัฒนาทักษะและสร้างความได้เปรียบให้กับประเทศในอนาคต
-การลงทุนในภาคธุรกิจ Wellness และการแพทย์ในไทยทำให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่น่าดึงดูดสำหรับแรงงานต่างชาติเป็นอย่างมาก
