STI-TQM-SAAM ลุยไฟ เดินหน้าไอพีโอ สวนหุ้นร่วง16 จุด

3 ไอพีโอ ฝ่าตลาดแดงเถือก สโตนเฮ้นจ์ อินเตอร์ ขายหมดเกลี้ยง 68 ล้านหุ้น พร้อมเทรด mai 19 ธ.ค. ส่วน TQM เคาะราคา 23 บาท คุยสถาบันสนใจ เปิดจอง 12-14 ธ.ค.นี้ SAAM ขาย 1.80 บาท วันที่ 24-27 ธ.ค. ส่วนน้องใหม่ SISB เพิ่มขึ้น ไม่สนแคชบาลานซ์ ทางด้านตลาดหุ้นไทยเปิดวันแรก ร่วงตามคาดเกือบ 1% ต่างชาติทิ้ง 1,435 ล้านบาท กลุ่มพลังงาน และแบงก์ ถูกถล่มยับ


นายรัฐชัย ธีระธนาวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม สายงานวาณิชธนกิจ –ด้านตลาดทุน บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นเพิ่มทุนของบริษัท สโตนเฮ้นจ์ อินเตอร์ (STI)เปิดเผยว่า การเสนอขายหุ้น STI จำนวน 68 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท ในราคา 6.30 บาท ระหว่างวันที่ 6 – 7 และ 11 ธ.ค.2561 ที่ผ่านมา ได้รับความสนใจจากนักลงทุนจำนวนมาก สามารถระดมเงินได้ประมาณ 400 ล้านบาท นำไปขยายการลงทุน พัฒนาบุคคลากรและระบบเทคโนโลยี เพื่อเพิ่มขีดความสามารถของบริษัท ซึ่งเป็นหัวใจของธุรกิจ และรองรับการเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต

หุ้น STI พร้อมจะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ในวันที่ 19 ธ.ค.2561 ในหมวดธุรกิจ อสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง

นายสมเกียรติ ศิลวัฒนาวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สโตนเฮ้นจ์ อินเตอร์ กล่าวว่า STI ได้รับความสนใจจากนักลงทุน ถือเป็นสัญญาณบวกสะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่น ในบริษัทที่มีกลุ่มวิศวกรที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญและประสบการณ์การทำงานเป็นระยะเวลากว่า 30 ปี เป็นผู้นำในธุรกิจที่ปรึกษาบริหารและควบคุมงานก่อสร้างอย่างครบวงจร ครอบคลุมถึงบริการงานออกแบบด้านสถาปัตยกรรม และเชี่ยวชาญในงานอนุรักษ์โบราณสถาน มีส่วนร่วมในความสำเร็จของโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักแล้วกว่า 500 โครงการ มีการพัฒนาโครงการใหม่ๆ รวมถึงภาครัฐบาล ที่มีเงินลงทุนในด้านโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ จึงเป็นโอกาสของกลุ่ม STI ให้ได้รับงานเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ STI อาจจะมีการขยายการลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจหลักของบริษัทฯ ในระยะเวลาประมาณ 2 – 3 ปีข้างหน้า เพื่อขยายฐานลูกค้า เพิ่มจำนวนบุคลากร รองรับการขยายตัวของผลการดำเนินงานอย่างยั่งยืนในอนาคต

สำหรับผลประกอบการของ STI มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องทุกปี งวด 9 เดือนแรกของปีนี้ มีรายได้จากการให้บริการ 443.99 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28.31% สาเหตุหลักมาจากรายได้ธุรกิจบริหารและควบคุมงานก่อสร้าง ตามปริมาณงานเพิ่มขึ้น เช่น โครงการ One Bangkok และ โครงการ The PARQ เป็นต้น ส่วนกำไรสุทธิ อยู่ที่ 30.48 ล้านบาท ณ วันที่ 30 ก.ย. 2561 มีงานในมือ(Backlog)มูลค่า 770 ล้านบาท จำนวน 114 โครงการ โดยจะทยอยรับรู้รายได้ในไตรมาส 4 เป็นต้นไปจนถึงปี 3 ปีข้างหน้า

ทางด้านบริษัท ทีคิวเอ็ม คอร์ปอเรชั่น (TQM) นายสรวิศ ไกรฤกษ์ รองกรรมการผู้จัดการ และหัวหน้าสายงานวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินร่วมและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้น เปิดเผยว่า TQM เสนอขายจำนวน 75 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 23 บาท จากราคาพาร์ 1 บาท หลังจากสำรวจความต้องการจองซื้อหุ้นของนักลงทุนสถาบัน (Book Building) ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา พบว่า นักลงทุนสถาบันให้ความสนใจอย่างมากและได้แสดงความต้องการจองซื้อหุ้นราคาสูงสุดที่ 23 บาท สะท้อนถึงความเชื่อมั่นในพื้นฐานของ TQM ที่เป็นบริษัทที่มีมีศักยภาพในการดำเนินธุรกิจสร้างนายหน้าประกันภัย ทั้งนี้ จัดสรรหุ้นให้กับนักลงทุนสถาบันรวม 50 ล้านหุ้น หรือประมาณ 67% และเตรียมเปิดให้นักลงทุนทั่วไปจองซื้อในวันที่ 12 – 14 ธ.ค.2561 คาดว่าจะนำหุ้น TQM เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้ภายในวันที่ 20 ธ.ค.นี้

น.ส.พิมพ์ผกา นิจการุณ กรรมการผู้จัดการ บล.ธนชาต ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินร่วมและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย กล่าวว่า TQM จะนำเงินไปใช้พัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ และโครงการพัฒนากระบวนการทางธุรกิจ โดยลงทุนในระบบ Enterprise Resource Planning (ERP) รวมถึงเพิ่มทุนชำระแล้วในบริษัทแกน ได้แก่ บริษัท ทีคิวเอ็ม อินชัวร์รันส์ โบรคเกอร์ และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน

ดร.อัญชลิน พรรณนิภา ประธานบริษัท บริษัท ทีคิวเอ็ม คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า บริษัทแบ่งการให้บริการเป็น 4 ธุรกิจ คือ นายหน้าประกันวินาศภัย นายหน้าประกันชีวิต ธุรกิจให้บริการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและซอฟต์แวร์ผ่านบริษัท แคสแมท และให้บริการด้านคำแนะนำเกี่ยวกับประกันภัย

ดร. นภัสนันท์ พรรณนิภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TQM กล่าวว่า ผลการดำเนินงานในปี 2558 – 2560 มีรายได้รวม 2,184 ล้านบาท 2,226 ล้านบาท และ 2,281 ล้านบาท ตามลำดับ อัตราเติบโตสะสมเฉลี่ย 2.2% ต่อปี ส่วนช่วง 9 เดือนแรกปีนี้ มีรายได้รวม 1,818.2 ล้านบาท เติบโต 10.1% ส่วนกำไรเพิ่มขึ้น จาก 140.4 ล้านบาท 178.2 ล้านบาท 268.3 ล้านบาท อัตราเติบโตสะสมเฉลี่ย 38.3% ส่วนในช่วง 9 เดือนแรกปี 2561 กำไรสุทธิ 276.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29.6%

บริษัท เอสเอเอเอ็ม เอ็นเนอร์ยี่ ดีเวลลอปเมนท์ (SAAM) เตรียมเสนอขาย 80 ล้านหุ้น ในราคหุ้นละ 1.80 บาท ในวันที่ 24-27 ธ.ค. 2561 บริษัทเข้าซื้อขายใน mai มีบริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้น

ส่วนราคาขายหุ้นละ 1.80 บาท คิดเป็นพี/อี 33.46 เท่า คำนวณจาก 12 เดือนที่ผ่านมา เท่ากับ 16.13 ล้านบาท ยังไม่ได้พิจารณาผลการดำเนินงานในอนาคต ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่นักลงทุนควรพิจารณาประกอบการตัดสินใจการลงทุน เนื่องจากไม่มีบริษัทจดทะเบียนที่ประกอบธุรกิจที่มีผลิตภัณฑ์เหมือน หรือใกล้เคียงกับบริษัทฯ ทั้งหมด

วัตถุประสงค์ของการใช้เงิน 1. ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนสำหรับโครงการที่อยู่ระหว่างดำเนินการพัฒนาเพื่อส่งมอบให้แก่ลูกค้า ได้แก่ 1.1 โครงการ SAAM Oita 01 Biomass Power คาดว่าจะใช้เงินไม่เกิน 15 ล้านบาท ภายในปี 2562 และ 1.2 โครงการ SAAM Oita 02 Biomass Power คาดว่าจะใช้เงินไม่เกิน 15 ล้านบาท ภายในปี 2562 ใช้เป็นเงินทุนเพื่อเข้าร่วมลงทุน ธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับการดำเนินงานโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน คาดว่าจะใช้เงินไม่เกิน 50 ล้านบาท ภายในปี 2563 และชำระคืนเงินกู้แบงก์ไม่เกิน 16 ล้านบาท ภายในปี 2562

ทางด้านหุ้นน้องใหม่ บริษัท เอสไอเอสบี ( SISB) ราคาหุ้นสามารถปรับตัวขึ้นปิดที่ 4.94 บาท บวก 0.04 บาท แม้ว่าวันที่ 11 ธ.ค.เป็นวันแรกที่หุ้นเข้าเกณฑ์แคชบาลานซ์ นักลงทุนต้องวางเงินสด 100% ก่อนสั่งซื้อ และยังมีความไม่แน่นอนเรื่องการยื่นคำร้องต่อศาลปกครอง รวมถึงภาวะตลาดหุ้นที่ปรับตัวลงแรง ดัชนีปิดที่ 1,633.62 จุด ทรุด 16.37 จุดหรือ 0.99% มูลค่าการซื้อขาย 42,897 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติขาย 1,436 ล้านบาท ซึ่งเป็นไปตามคาด หลังจากตลาดหุ้นไทยปิดทำการเมื่อวันที่ 10 ธ.ค.ที่ผ่านมา ขณะที่ตลาดหุ้นต่างประเทศส่วนใหญ่ปรับตัวลงแรง ท่ามกลางความกังวลเรื่องสงครามการค้าลุกลามและเศรษฐกิจโลกชะลอตัวลง