‘ธนารักษ์’เดินหน้าเพิ่มมูลค่าทรัพย์สินปท. เซ็นสาธารณสุขเปิดเอกชนพัฒนาที่ราชพัสดุ 6 รพ.

HoonSmart.com>>กรมธนารักษ์ เปิดตัวโครงการ Landlord Sharing ยกระดับการบริหารที่ราชพัสดุที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์กว่า 10 ล้านไร่ของส่วนราชการ เพิ่มมูลค่า-คุณค่าทรัพย์สินแผ่นดิน รองรับโครงการด้านสังคม เซ็นเอ็มโอยู มอบอำนาจให้สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขจัดหาประโยชน์ โครงการนำร่อง 6 โรงพยาบาล จว.เชียงใหม่-เชียงราย-สมุทรปราการ-นครราชสีมา-ชลบุรี-อ.หาดใหญ่ เปิดประมูลให้เอกชนลงทุนก่อสร้างอาคาร กำหนด ROA 3 % ต่อปี สัญญาไม่เกิน 30 ปี 

นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมธนารักษ์ เปิดเผยว่า กรมธนารักษ์ ได้เปิดตัวโครงการ Landlord Sharing เพื่อยกระดับการบริหารที่ราชพัสดุรองรับโครงการด้านสังคม และเพิ่มมูลค่าทรัพย์สินที่ยังไม่ได้ใช้ประโยชน์ โดยจัดทำหลักเกณฑ์เพื่อมอบอำนาจให้หน่วยงานที่ครอบครองที่ราชพัสดุ สามารถดำเนินการใช้ประโยชน์ได้โดยตรง ภายใต้กรอบการกำกับที่โปร่งใส ตรวจสอบได้ และลดขั้นตอนทางราชการ โดยมีเป้าหมายเพื่อสนับสนุนโครงการด้านสังคม และเพิ่มมูลค่าทรัพย์สินที่ยังไม่ได้ใช้ประโยชน์

ปัจจุบัน ประเทศไทยมีที่ราชพัสดุรวมกว่า 12.6 ล้านไร่ พบว่ากว่า 10 ล้านไร่ อยู่ในความครอบครองของส่วนราชการ บางพื้นที่ไม่ได้ถูกนำมาใช้ให้เป็นประโยชน์ เนื่องจากข้อจำกัดด้านงบประมาณ ส่งผลให้ประเทศสูญเสียโอกาสในการพัฒนา ดังนั้น เพื่อปลดล็อกข้อจำกัดดังกล่าว กรมธนารักษ์ จึงได้ออกโครงการ Landlord Sharing ซึ่งเป็นการนำที่ราชพัสดุที่อยู่ในความครอบครองของส่วนราชการที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ มาพัฒนาภายใต้โครงการเชิงสังคม เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศชาติ สร้างรายได้ เพิ่มมูลค่าทรัพย์สิน ลดภาระงบประมาณแผ่นดิน
ยกตัวอย่าง กระทรวงสาธารณสุข ที่ผ่านมา ในปี 2566-2568 ได้รับการจัดสรรงบประมาณเพียง 50% โดยมีส่วนต่างถึง 3 หมื่นล้านบาททำให้ไม่สามารถลงทุนก่อสร้างอาคาร ห้องพักผู้ป่วยเพื่อให้บริการตามความต้องการได้

วันที่ 22 ส.ค. 2568 กรมธนารักษ์ได้ลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) เรื่องการมอบอำนาจให้สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข ดำเนินการจัดหาประโยชน์ในพื้นที่ที่อยู่ในความครอบครอง เพื่อวางรากฐานในการพัฒนาระบบสาธารณสุขในระยะยาว โดยการมอบอำนาจนี้ ไม่ใช่การโอนกรรมสิทธิ์ และยืนยันว่าที่ดินราชพัสดุ และสิ่งปลูกสร้างยังคงเป็นของรัฐ โดยกรมธนารักษ์จะได้รับอัตราผลตอบแทนจากทรัพย์สิน (ROA) 3% ต่อปี ระยะเวลาการใช้ประโยชน์ไม่เกิน 30 ปี และเพื่อความโปร่งใส และกำหนดราคาที่ให้บริการเป็นธรรม หน่วยงานที่รับมอบอำนาจต้องรายงานผลการดำเนินงานต่อกรมธนารักษ์ทุกไตรมาส หากฝ่าฝืนข้อตกลง กรมฯ มีสิทธิเพิกถอนอำนาจได้ทันที พร้อมกับมีการดูแลราคาในการให้บริการที่เป็นธรรมกับทุกฝ่าย

นายเอกนิติ กล่าวอีกว่า กรมธนารักษ์ยังได้ขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ VALUE จากสินทรัพย์ที่ถูกมองข้าม สู่พลังขับเคลื่อนประเทศ โดยหัวใจสำคัญ คือ การมุ่งสร้างคุณค่า (Value Creation) และแบ่งปันคุณค่า (Value Sharing) ผ่านการใช้ทรัพย์สินของรัฐให้เกิดประโยชน์รอบด้าน ทั้งในเชิงเศรษฐกิจ, การยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน, การเสริมสร้างโครงสร้างพื้นฐาน และการสนับสนุนบริการสาธารณะที่จำเป็น

” กรมธนารักษ์มีงานหลากหลาย ต่างคนต่างทำ ต้องนำมารวมพลัง นำดิจิทัลมาใช้ยกระดับเป็นกรมเพิ่มมูลค่าและคุณค่าทรัพย์สินของแผ่นดิน นำมาขับเคลื่อน เศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม วัฒนธรรม ไม่จำกัดเฉพาะการยกระดับการบริหารที่ราชพัสดุเท่านั้น จะมีการประเมินราคาที่ดินทั่วประเทศใหม่  การสร้างตลาดกลางซื้อขายเหรียญกษาปณ์ รวมถึงการดูแลพิพิธภัณฑ์ เพื่อเดินหน้าประเทศไทยให้ไปสู่ความยั่งยืน”นายเอกนิติกล่าว

ด้าน นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า โครงการนำร่องนี้ ได้เลือกมาทั้งสิ้น 6 โครงการนำร่อง (Sandbox) ในการก่อสร้างอาคารสำหรับศูนย์บริการทางการแพทย์, หอผู้ป่วยพิเศษ และอาคารจอดรถ เพื่อสนับสนุนภารกิจด้านสาธารณสุข ให้ประชาชนเข้าถึงบริการได้อย่างทั่วถึง ได้แก่
1. โรงพยาบาลนครพิงค์ จ.เชียงใหม่ ประกอบด้วย หอผู้ป่วยพิเศษ พื้นที่บริการทางการแพทย์ และอาคารจอดรถ
2. โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ จ.เชียงราย ประกอบด้วย ศูนย์ Wellness (ศูนย์สุขภาพและฟื้นฟู) สถานพักฟื้นและรอรักษา พื้นที่บริการทางการแพทย์ และอาคารจอดรถ
3. โรงพยาบาลสมุทรปราการ จ.สมุทรปราการ ประกอบด้วย ศูนย์บริการมะเร็ง หัวใจ และเวชศาสตร์วิถีชีวิต พื้นที่บริการทางการแพทย์ และอาคารจอดรถ
4. โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา จ.นครราชสีมา ประกอบด้วย หอผู้ป่วยพิเศษ พื้นที่บริการทางการแพทย์ และอาคารจอดรถ
5. โรงพยาบาลพัทยาปัทมคุณ (โรงพยาบาลบางละมุง) จ.ชลบุรี ประกอบด้วย หอผู้ป่วยพิเศษ ที่พักระหว่างการรักษา พื้นที่บริการทางการแพทย์ และอาคารจอดรถ
6. โรงพยาบาลหาดใหญ่ จ.สงขลา ประกอบด้วย อาคารบริการและสนับสนุนทางการแพทย์