สินเชื่อ Q2/68 ลด 0.9% บอนด์อสังหาฯหดตัว แบงก์กำไรดี ROE มากกว่า 9%

HoonSmart.com>>ธปท. เจาะไส่ในระบบธนาคารพาณิชย์ Q2/68 มั่นคง สินเชื่อหดตัว แต่ชะลอลงเหลือ 0.9% ธุรกิจขนาดใหญ่ยังคงเพิ่มขึ้น  ระดมทุนผ่านตราสารหนี้หดตัวมากขึ้น โดยหลักจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ นักลงทุนระวังกลุ่ม high yield  ส่วนภาพรวม NPL ทรงตัว 2.91% แบงก์กำไรโตต่อเนื่องจากไตรมาสแรก รายได้เงินปันผลตามฤดูกาล-กำไรเงินลงทุน  หนุน ROE เพิ่มขึ้นเป็น 9.26% จากระดับ 8.37% ROA อยู่ที่ 1.27%จากระดับ 1.16% กองทุน-เงินสำรอง-สภาพคล่องสูง 

น.ส.สุวรรณี เจษฎาศักดิ์ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า สินเชื่อระบบธนาคารพาณิชย์ (รวมเครือ) ไตรมาส 2/2568 โดยรวมยังหดตัวต่อเนื่อง แต่ชะลอลงมาอยู่ที่ -0.9% จากระยะเดียวกันปีก่อน จากสินเชื่อธุรกิจ SMEs และสินเชื่ออุปโภคบริโภคที่หดตัวต่อเนื่อง ตามความเสี่ยงด้านเครดิตที่ยังอยู่ในระดับสูง ในขณะที่สินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ยังขยายตัวเพิ่มขึ้น ขณะที่การระดมทุนผ่านตราสารหนี้หดตัวมากขึ้นโดยหลักจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ นักลงทุนยังระมัดระวังการลงทุนในกลุ่ม high yield ที่มีความเสี่ยงสูง

ทั้งนี้ ยอดคงค้างสินเชื่อ NPL ปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยมาอยู่ที่ 554.9 พันล้านบาทจากไตรมาสก่อน โดยหลักจากสินเชื่อธุรกิจ ขณะที่ปริมาณ NPL ของสินเชื่ออุปโภคบริโภคปรับลดลงทุกประเภท ส่งผลให้สัดส่วน NPL ต่อสินเชื่อรวมทรงตัวอยู่ที่ 2.91% สำหรับสินเชื่อ Stage 2 ปรับลดลงในเกือบทุกพอร์ต โดยหลักเป็นการจัดชั้นดีขึ้นของลูกหนี้ที่สามารถชำระหนี้ได้ตามเงื่อนไขปรับปรุงโครงสร้างหนี้ ส่งผลให้สัดส่วน stage 2 ลดลงอยู่ที่ 6.88% อย่างไรก็ดี ธนาคารพาณิชย์ยังให้ความช่วยเหลือลูกหนี้อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งบริหารจัดการคุณภาพหนี้

สำหรับผลการดำเนินงาน ปรับดีขึ้นจากไตรมาสแรก จากรายได้เงินปันผลตามปัจจัยฤดูกาล และจากกำไรจากเงินลงทุน ขณะที่ค่าใช้จ่ายสำรองปรับเพิ่มขึ้น เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เพื่อรองรับความไม่แน่นอนที่อาจเกิดขึ้นจากผลกระทบนโยบายการค้าโลก ขณะที่รายได้ดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) ลดลงเหลือ 2.72% จากระดับ  2.80% ตามการปรับลดอัตราดอกเบี้ยและปริมาณสินเชื่อที่ลดลง รวมทั้งจากมาตรการ “คุณสู้ เราช่วย” ที่มีการลดดอกเบี้ยให้กับลูกหนี้  โดยมีอัตราผลตอบแทนจากส่วนของผู้ถือหุ้น (ROE) เพิ่มขึ้นเป็น 9.26% จากไตรมาสแรกอยู่ที่  8.37% และตราผลตอบแทนจากทรัพย์สิน (ROA ) เพิ่มขึ้นเป็น 1.27%จากระดับ 1.16%

ภาพรวมระบบธนาคารพาณิชย์มีความมั่นคง และมีเสถียรภาพ โดยมีเงินกองทุน เงินสำรอง และสภาพคล่องอยู่ในระดับสูง  โดยยังต้องติดตามภาวะการเงินที่ยังตึงตัว และความสามารถในการชำระหนี้ของภาคธุรกิจ และครัวเรือน โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางที่รายได้ฟื้นตัวช้า และมีภาระหนี้สูง รวมถึงธุรกิจ และครัวเรือนที่อาจได้รับแรงกดดันเพิ่มเติมต่อฐานะการเงิน จากผลกระทบมาตรการทางภาษีของสหรัฐอเมริกา ตลอดจนติดตามผลสำเร็จของการให้ความช่วยเหลือภายใต้โครงการคุณสู้เราช่วย

ส่วนสัดส่วนหนี้ครัวเรือน ไตรมาส 1/2568 อยู่ที่ 87.4% ต่อ GDP ปรับลดลงจากไตรมาสก่อน ไตรมาส 4/2567 อยู่ที่ 88.4% จากสินเชื่อภาคครัวเรือนที่ขยายตัวชะลอลงเป็นสำคัญ ขณะที่ภาคธุรกิจ มีสัดส่วนหนี้สินต่อ GDP ลดลงตามการขยายตัวของเศรษฐกิจ ขณะที่การก่อหนี้ทรงตัว ด้านความสามารถในการทำกำไรโดยรวม ลดลงจากระยะเดียวกันปีก่อน แม้ภาคการผลิตปรับดีขึ้นจากการเร่งผลิตเพื่อส่งออก แต่ภาคการท่องเที่ยว และภาคบริการอื่น ๆ เผชิญแรงกดดันจากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ลดลง และกำลังซื้อที่ชะลอลงในตลาดที่อยู่อาศัย

“ยังต้องติดตามภาวะการเงินโดยรวมที่ยังตึงตัวและความสามารถในการชำระหนี้ของภาคธุรกิจและครัวเรือน โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง รวมถึงธุรกิจและครัวเรือนที่อาจได้รับแรงกดดันเพิ่มเติมต่อฐานะการเงินจากผลกระทบมาตรการทางภาษีของสหรัฐฯตลอดจนติดตามผลสำเร็จของการให้ความช่วยเหลือภายใต้โครงการ “คุณสู้ เราช่วย””