BCPG กำไร 6 เดือนแรก 329 ล้าน ครึ่งปีหลังรับรู้รายได้โครงการใหม่ ฤดูกาลน้ำหนุน

HoonSmart.com>>”บีซีพีจี” (BCPG) เผยผลการดำเนินงาน 6 เดือนแรก ปี 68 รายได้รวม 1,511.2 ล้านบาท กำไรสุทธิจากการดำเนินงานปกติ 329.2 ล้านบาท คาดครึ่งปีหลังทิศทางดีขึ้นหลายปัจจัย เข้าสู่ช่วงฤดูกาลผลิตโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำ ด้านโรงไฟฟ้าพลังงานก๊าซธรรมชาติในสหรัฐฯ ได้รับอัตราค่าความพร้อมจ่ายไฟต่อเมกะวัตต์ต่อวันสูงขี้นจาก 30 เหรียญสหรัฐฯ เป็น 270 เหรียญสหรัฐฯ ตั้งแต่เดือนมิ.ย.68 เตรียมรับรู้รายได้ 2 โครงการใหม่

บริษัท บีซีพีจี (BCPG) เปิดเผยผลดำเนินงานไตรมาส 2/2568 กลุ่มบริษัทฯ บันทึกกำไรสุทธิจากการดำเนินงานปกติที่ 131.5 ล้านบาท เติบโต 32.5% จากไตรมาสที่ 2/2567 แต่ลดลง 33.5% จากไตรมาสที่ 1/2568 ส่วนงวด 6 เดือน ปี 2568 กลุ่มบริษัทฯ บันทึกกำไรสุทธิจากการดำเนินงานปกติที่ 329.2 ล้านบาท ลดลง 25.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

นายรวี บุญสินสุข ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บีซีพีจี (BCPG) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของกลุ่มบริษัทฯ ในครึ่งปีแรกของปี 2568 มีรายได้รวม 1,511.2 ล้านบาท มีกำไรก่อนรายการพิเศษ 329.2 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 26% สาเหตุหลักมาจากรายได้ส่วนเพิ่ม (Adder) ของโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศสิ้นสุดลง และการจำหน่ายโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศญี่ปุ่น

สำหรับผลการดำเนินงานสุทธิ กลุ่มบริษัทฯ มีผลการดำเนินงานขาดทุน 498.5 ล้านบาท เนื่องจากมีรายการพิเศษที่เกิดจากการขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งเป็นผลจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับค่าเงินต่างประเทศจำนวน 117 ล้านบาท และรายการพิเศษอื่นๆ จำนวน 711 ล้านบาท ซึ่งรายการที่สำคัญได้แก่ การตั้งด้อยค่าของเงินลงทุนในโครงการพลังงานลมที่ฟิลิปปินส์และจากการขายลดลูกหนี้ค้างชำระของโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำใน สปป.ลาว

“อย่างไรก็ตาม บีซีพีจียังคงเดินหน้าขับเคลื่อนธุรกิจด้วยความรอบคอบและมุ่งเน้นผลตอบแทนระยะยาว และเตรียมก้าวสู่ครึ่งปีหลังด้วยพอร์ตโครงการที่แข็งแกร่งและรายได้ที่มีเสถียรภาพมากขึ้น”นายรวี กล่าว

ทั้งนี้ ในครึ่งปีหลังของปี 2568 บริษัทฯ คาดว่าจะมีทิศทางที่ดีขึ้นจากหลายปัจจัยสนับสนุน โดยเป็นช่วงฤดูกาลที่โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำใน สปป.ลาว ผลิตกระแสไฟฟ้าได้ปริมาณมากขึ้น ซึ่งบริษัทฯ มีสัญญาส่งไฟฟ้าไปขายยังประเทศเวียดนามตั้งแต่ปี 2566 ขณะที่โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานก๊าซธรรมชาติในสหรัฐอเมริกา ได้รับอัตราค่าความพร้อมจ่ายไฟ (Capacity Revenue) ต่อเมกะวัตต์ต่อวัน ในระดับที่สูงขี้นจาก 30 เหรียญสหรัฐฯ เป็น 270 เหรียญสหรัฐฯ ตั้งแต่เดือนมิถุนายนที่ผ่านมา

“นอกจากนี้ ในช่วงครึ่งปีหลัง โครงการพลังงานลมมอนซูน ขนาด 600 เมกะวัตต์ ใน สปป.ลาวซึ่งมีสัญญาขายไฟฟ้าไปยังประเทศเวียดนาม จะเริ่มเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์เต็มกำลังการผลิต รวมถึงโครงการที่อยู่ระหว่างการเข้าซื้อกิจการอีก 2 โครงการ ได้แก่ โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมในประเทศเวียดนาม กำลังการผลิตติดตั้งรวม 99 เมกะวัตต์ และโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ชนิดติดตั้งบนหลังคาในประเทศไทย กำลังการผลิตติดตั้งรวม 17.5 เมกะวัตต์ คาดว่าจะแล้วเสร็จและรับรู้รายได้ในครึ่งปีหลังเช่นเดียวกัน” นายรวีก ล่าวปิดท้าย