“คิงส์ฟอร์ด” คาด SET ทรงตัว ทรัมป์อาจเพิ่มเก็บภาษีนำเข้ายา-เซมิคอนดักเตอร์

HoonSmart.com>>บล.คิงส์ฟอร์ด ประเมินแนวรับดัชนี SET ที่ 1,235 จุด แนวต้าน 1,255 จุด คาดดัชนีมีโอกาสทรงตัว กังวลสหรัฐอาจเพิ่มการเก็บภาษีนำเข้ายา, เซมิคอนดักเตอร์ นักลงทุนรอรายงานกำไรบจ.หลักๆ เช้านี้ ติดตามเงินเฟ้อไทยเกือนก.ค. ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดร่วง ทรัมป์เผยเตรียมขึ้นภาษีนำเข้ายาในช่วง 1–1 ปีครึ่งข้างหน้า หุ้นเด่นแนะนำ MTC, BCH

บริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด ประเมินแนวรับดัชนี SET ที่ 1,235 จุด แนวต้าน 1,255 จุด คาดดัชนีมีโอกาสทรงตัว จากความกังวลสหรัฐอาจเพิ่มการเก็บภาษีนำเข้ายา, เซมิคอนดักเตอร์ กอปรนักลงทุนรอการรายงานกำไร บจ.หลักๆในสัปดาห์นี้ เช่น ADVANC,GULF,GPSC,BCP,CPAXT,WHA แนะนำทยอยซื้อ ADVANC,CPF,TFG,TFM,BCH,ADVICE,PLANB เป็นกลุ่มที่ Bloomberg Consensus คาดกำไร Q2/68 +QoQ, +YoY

ขณะที่การรายงานกำไร Q2/68 ของ 49 บจ.ที่ส่งงบนั้น มีกำไรสูงกว่า BB.Consensus คาดไว้ +19.8% จากกำไรของกลุ่มพลังงาน, วัสดุ, ธนาคาร และอาหารออกมาดีกว่าคาด ส่วนข้อมูลงบวานนี้ TRUE รายงานกำไร Q2/68 อยู่ที่ 2.0 พันล้านบาท & Q2/67 ขาดทุน 1.87 พันล้านบาท และมีกำไรจากการดำเนินเป็นบวกติดต่อกัน 2 ไตรมาส แม้ว่ายอดสมาขิกผู้ใช้บริการจะลดลง แต่ยังคงคุมค่าใช้จ่ายดำเนินได้ดี

เช้านี้ติดตาม กระทรวงพาณิชย์รายงาน CPI ไทย ก.ค. คาด -0.40% & มิ.ย. -0.25% YoY ซึ่งมีผลต่อการตัดสินใจเกี่ยวกับนโยบายดอกเบี้ยในการประชุม กนง.วันที่ 13 ส.ค.

ด้านตลาดหุ้นสหรัฐปิดวานนี้ -0.14%, S&P500 -0.49%, Nasdaq -0.65% ปรับลดลง โดย Yum Brand บริษัทแม่ของ KFC -5.1% หลังรายงานกำไร Q2/68 ต่ำกว่าคาด สาเหตุมาจากมาตรการภาษีนำเข้าที่สูงขึ้น ส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อของผู้บริโภค เช่นเดียวกับแคทเธอร์พิลลาร์ บริษัทเครื่องจักรกลขนาดใหญ่ เผยกำไรในงวด 2H/68 อาจถูกกระทบจากค่าใช้จ่ายสูงถึง 1.5 พันล้านดอลลาร์

ส่วนประเด็นภาษีนั้น ปธน.ทรัมป์เผยเตรียมขึ้นภาษีนำเข้ายาในอัตรา 150% ไปอยู่ที่ 250% ในช่วง 1 – 1 ปีครึ่งข้างหน้า เพื่อดึงเม็ดเงินลงทุนเกี่ยวกับอุต ฯ ยากลับมายังสหรัฐ

ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจวานนี้ ISM เผยดัชนีภาคบริการสหรัฐ ก.ค.ชะลอตัวอยู่ที่ 50.1 & มิ.ย. 50.8 และยอดขาดดุลการค้า มิ.ย. -16% อยู่ที่ 6.02 หมื่นล้านดอลลาร์ต่ำสุดในรอบเกือบ 2 ปี และค่ำวันนี้ติดตามความเห็นของเจ้าหน้าที่เฟดต่อทิศทางดอกเบี้ยสหรัฐ

หุ้นเด่นแนะนำ MTC (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 52.00 บาท) บริษัทรายงานกำไรสุทธิ 2Q68 ที่ 1.65 พันล้านบาท เติบโต +5%QoQ, +14%YoY หนุนจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่เพิ่มขึ้น ขณะที่การค่าใช้จ่ายสำรอง ECL ลดลงและควบคุมคุณภาพสินเชื่อที่ดีขึ้น ทั้งนี้คาดปี 68 บริษัทยังสามารถเติบโตได้ตามเป้าหมายสินเชื่อโต 10-15% เน้นสินเชื่อจำนำทะเบียน มีแผนเปิดสาขาเพิ่ม 600 สาขา (ปัจจุบันอยู่ที่ 8,433 สาขา เพิ่มขึ้น 262 สาขาจากสิ้นปี 67) ขณะที่ credit cost มีแนวโน้มลดลงการค่าใช้จ่ายสำรอง ECL (NPL ไม่เกิน 2.7% / 2Q68 ที่ 2.62%)

ส่วน NIM อาจถูกกดดันจากต้นทุนทางการเงินที่สูงขึ้น แต่แนวโน้มน่าจะดีขึ้นจากการลดดอกเบี้ยนโยบายใน 2H68 ต่อเนื่องไปยังไป 69 ทั้งนี้อิงจาก consensus ตลาดคาดกำไรสุทธิปี 68 ที่ 6.8 พันล้านบาท +16%YoY

หุ้น BCH (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 19.40 บาท) คาดกำไรสุทธิ 2Q68 อยู่ที่ 346 ลบ.(+25%YoY, +8%QoQ) ฟื้นตัวได้ดี YoY QoQ จาก 1.2Q67 มีรายการลบจาก Fx Loss, Covid-19, โรค adj.RW>2 รวมแล้วเป็นลบ ราว -100 ลบ. 2.รอมฎอนปีนี้อยู่ในในช่วง 28ก.พ.-29มี.ค.68 สิ้นสุดใน 1Q68 แล้ว และ 3.สภาพอากาศในปีนี้ที่มีฝนตกเร็ว/ร้อนน้อยกว่าปีก่อน

ส่วน 3Q68 จะได้แรงบวกตามฤดูกาล ภาพรวมครึ่งปีหลังยังมีปัจจัยหนุนจาก 1.ความเสี่ยงของการรับเงินประกันสังคมในปี68 โดย คาดว่า SSO จะสามารถจ่ายโรค adj.RW>2 ที่ 1.2 หมื่นบาท/adj.RW ได้ และ 2.คาดกลุ่มรายได้ผู้ป่วยต่างชาติฟื้นตัว ขณะที่ BCH มีการเซ็นสัญญากับมัลดีฟส์ เพื่อรับผู้ป่วยเข้ามารักษาที่ ร.พ.WMC

 
 
 
 
 
———————————————————————————————————————————————————–

 
 
 
 
 
———————————————————————————————————————————————————–