MMM กำไรพุ่ง 190%–ปันผลต่อ เตรียม IPO เข้าตลาด mai สิ้นปีนี้

HoonSmart.com>>เอ็มเอ็มเอ็ม แคปปิตอล ท็อปฟอร์ม Q2/68 กำไรทะยาน 190.93% จ่ายปันผล 0.12 บาทต่อหุ้น เตรียม IPO 64.20 ล้านหุ้น ย้ายเข้าตลาด mai สิ้นปีนี้ เสริมแกร่งธุรกิจ

น.ส.ณิชา โรจน์วัฒนา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็มเอ็มเอ็ม แคปปิตอล  (MMM) เปิดเผยว่า ท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจที่ท้าทาย ทั้งปัจจัยภายในและภายนอกประเทศ ฉุดกำลังซื้อของผู้บริโภคโดยรวม ในประเทศให้ชะลอตัว แต่หากพิจารณาจากดีมานด์ของกลุ่มผู้บริโภคที่ต้องการที่อยู่อาศัยยังอยู่ในทิศทางที่เพิ่มขึ้น สะท้อนถึงผลการดำเนินงานงวด 6 เดือน 2568 ที่แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ไลฟ์เอ็กซ์เช้นจ์ (LiVEx) โดยมีรายได้จากการขายและบริการรวม 339.41 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 181.71%(YoY)
ขณะที่กำไรสุทธิ 63.30 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 190.93%(YoY) คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิเท่ากับ 18.58% และจากความสามารถในการทำกำไรสุทธิที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ MMM จ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นได้ถึง 6 ไตรมาสติดต่อกันนับตั้งเแต่ปี 2566 จนถึงงวดปัจจุบัน
ล่าสุดที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล จากกำไรสะสม ณ วันที่ 30 มิ.ย. 2568 ในอัตราหุ้นละ 0.12 บาท คิดเป็นจำนวนเงินรวม 29.74 ล้านบาท โดยกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับปันผล (Record date) วันที่ 14 สิงหาคม 2568 และกำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) วันที่ 15 สิงหาคม 2568 เพื่อจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลในวันที่ 28 สิงหาคม 2568

IPO 64.20 ล้านหุ้น ย้ายเข้า mai

ตอกย้ำศักยภาพความแข็งแกร่งทางการเงิน พร้อมทั้งเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ถือหุ้นก่อนที่จะเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนทั่วไป (PO) จำนวนไม่เกิน 64,200,000 หุ้น โดยมีมูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) 0.50 บาท เพื่อย้ายจากตลาดหลักทรัพย์ LiVEx มาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ภายในปีนี้

สำหรับอัตราการเติบโตของสัดส่วนรายได้ที่เพิ่มขึ้นในไตรมาส 2/2568 มาจาก 3 กลุ่มธุรกิจ ประกอบด้วย

1. ธุรกิจที่ปรึกษางานขายโครงการ (BU1) ดำเนินธุรกิจตัวแทนขายอสังหาริมทรัพย์ แต่เพียง   ผู้เดียวให้กับเจ้าของโครงการ เพื่อให้บริการแนะนำติดต่อผู้ที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัย รวมถึงประสานงานเพื่อให้เกิดการโอนกรรมสิทธิ์ระหว่างผู้ซื้อและเจ้าของโครงการจนแล้วเสร็จ มีรายได้ 124.52 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 37.14%(YoY) จากยอดโอนกรรมสิทธิ์เพิ่มขึ้น ประกอบกับรายได้ต่อยูนิตสูงขึ้นจากการปรับกลยุทธ์การขายทรัพย์ที่มีราคาสูงขึ้น และจากการที่บริษัทฯ ขายทรัพย์ที่อยู่ในระยะเวลาช่วงแรกของสัญญาสำหรับโครงการที่ทำสัญญา ในลักษณะ Hybrid – BU1 ได้เพิ่มขึ้น

2. ธุรกิจการบริหารงานขายโครงการ (BU2) ดำเนินธุรกิจตัวแทนขายและรับประกันการขายแต่เพียงผู้เดียว เพื่อให้บริการแนะนำ ติดต่อผู้ที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัย เพื่อให้เกิดการโอนกรรมสิทธิ์ระหว่างผู้ซื้อและเจ้าของโครงการจนกว่าแล้วเสร็จ รวมถึงให้บริการบริหารงานขายแบบวางหลักประกันการซื้อ Hybrid – BU2 มีรายได้ 189.22 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,354.58% (YoY) จากยอดโอนกรรมสิทธิ์เพิ่มขึ้น ประกอบกับโครงการที่บริษัทฯ ให้บริการมีรายได้ต่อยูนิตสูงขึ้นจากการปรับกลยุทธ์การขายทรัพย์ที่มีราคาสูงขึ้น และจากการที่สามารถขายทรัพย์ที่เพิ่มขึ้นสำหรับโครงการที่ทำสัญญาในลักษณะ Hybrid – BU2

3. ธุรกิจการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ (BU3) บริษัทฯ มีรายได้ 25.68 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 53.93% (YoY) จากยอดโอนกรรมสิทธิ์ที่เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน
น.ส.ณิชา กล่าวว่าการระดมทุนในครั้งนี้ว่า เพื่อเพิ่มศักยภาพในการเติบโตของธุรกิจ เช่น การวางเงินประกันสัญญาในธุรกิจการให้บริการที่ปรึกษางานขายโครงการ (BU1) และสัญญาการให้บริการบริหารงานขายโครงการ (BU2)
รวมทั้งสัญญาการให้บริการบริหารงานขายแบบวางหลักประกันการซื้อ (Hybrid) รวมถึงนำไปใช้เพื่อการซื้ออสังหาริมทรัพย์ในธุรกิจการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ (BU3) และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการรองรับการขยายธุรกิจ ตอบโจทย์การเป็นผู้ให้บริการด้านตัวแทนการขายอสังหาริมทรัพย์อย่างครบวงจร ภายใต้แนวคิดการเป็น “เพื่อนคู่คิด นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์”