คลังปรับเป้าเศรษฐกิจปีนี้โต 2.2% ส่งออกเพิ่ม 5.5% บาทแข็ง เร่งเบิกจ่ายงบ

HoonSmart.com>>คลังปรับเพิ่มประมาณการ GDP ปีนี้โต 2.2% จากเดิมคาดไว้ 2.1% แรงหนุนส่งออกคาดขยายตัว 5.5%  เงินบาทเฉลี่ยทั้งปีอยู่ที่ 33.10 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นจากปีก่อน 6.2% นักท่องเที่ยวต่างชาติ  34.5 ล้านคน งบรายจ่ายภาคสาธารณะ  4.3 ล้านล้านบาท รายจ่ายประจำคาดหดตัว 0.2% รายจ่ายลงทุนขยายตัว 61.8% ส่วนเศรษฐกิจเดือนมิ.ย.โต  ส่งออก 28,649.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวในระดับสูงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 12  

นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง แถลงประมาณการเศรษฐกิจ (GDP) ในปี 2568 คาดว่าจะขยายตัว 2.2% (กรอบ 1.7-2.7%) ดีขึ้นเล็กน้อยจากเดือนเม.ย.ที่ผ่านมาคาดไว้ที่ 2.1% ภายใต้สถานการณ์นโยบายภาษีศุลกากรตอบโต้ของสหรัฐฯ และผลกระทบต่อการค้าระหว่างประเทศของประเทศคู่ค้าของไทย โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการผลิตภาคอุตสาหกรรม และการส่งออกที่ขยายตัวดีกว่าที่คาดไว้จาก 2.3% เพิ่มเป็น 5.5% ประกอบกับการบริโภคภายในประเทศ ที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง

“คาดว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้จะขยายตัวดีขึ้น 2.2% ซึ่งเป็นทิศทางที่สอดคล้องกับที่ล่าสุดกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF)ปรับคาดการณ์ GDP ไทยปีนี้เพิ่มขึ้นเป็น 2% จากที่เคยมองไว้ 1.8% โดยคลังคาดว่าส่งออกเติบโต 5.5% ดีขึ้นกว่าเดิมที่เคยคาดไว้ที่ 2.3% ดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุล 14.6 พันล้านดอลลาร์ และอัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ที่ 0.4% ลดลงจากประมาณการครั้งก่อนซึ่งอยู่ที่ 0.8% “นายพรชัยระบุ

กระทรวงการคลังปรับประมาณการเศรษฐกิจไทยในครั้งนี้ อยู่บนสมมติฐานที่สำคัญ ได้แก่
1. อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของ 15 ประเทศคู่ค้าหลักของไทย เพิ่มขึ้นเป็น 2.8% จากเดิมคาด 2.7%

2. เงินบาทเฉลี่ยทั้งปี 2568 คาดว่าอยู่ที่ 33.10 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นจากปีก่อน 6.2% ช่วงที่เหลือของปีทิศทางของเงินบาทยังแข็งค่าตามสกุลเงินในภูมิภาค และจากผลของการเกินดุลบัญชีเดินสะพัดเพิ่มขึ้น เนื่องจากการส่งออกที่เติบโตดี รวมทั้งทิศทางดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่า ซึ่งเป็นผลจากความไม่แน่นอนของนโยบายการค้าสหรัฐฯ รวมถึงความเสี่ยงต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอย และความไม่แน่นอนในการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)

3. ราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยทั้งปีจะอยู่ที่ระดับ 68 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มจากประมาณการครั้งก่อนที่ 65.8 ดอลลาร์/บาร์เรล

4. จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าไทยปีนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ 34.5 ล้านคน ลดลงจากปีก่อน 2.9% โดยปรับลดลงจากประมาณการเดิมที่คาดไว้ที่ 36.5 ล้านคน คาดว่าจะมีรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติในปีนี้ 1.62 ล้านล้านบาท ลดลงจากปีก่อน 3.7% คิดเป็นรายจ่ายของนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่ 46,900 บาท/คน/ทริป

5. รายจ่ายภาคสาธารณะในปี 2568 คาดว่าจะเบิกจ่ายได้ 4.3 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นจากประมาณการครั้งก่อน ส่วนการเบิกจ่ายงบรายจ่ายประจำในปีงบประมาณ 68 คาดว่าจะหดตัว 0.2% และรายจ่ายลงทุนคาดว่าจะขยายตัว 61.8%

นายพรชัยกล่าวว่า  แม้เศรษฐกิจจะขยายตัวได้ดีในครึ่งปีแรก แต่จำเป็นต้องติดตามทิศทางในช่วงครึ่งปีหลังที่อาจเผชิญความท้าทายจากแรงกดดันจากมาตรการภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ซึ่งส่งผลกระทบต่อไทยทั้งทางตรง และทางอ้อม โดยกระทรวงการคลังได้เตรียมรับมือและบรรเทาสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ผ่านการดำเนินแผนการขับเคลื่อนฯ ในการลดผลกระทบต่อภาคการส่งออก และมาตรการทางการเงิน เพื่อช่วยเหลือภาคเอกชนที่ได้รับผลกระทบโดยตรงอย่างทันท่วงที และตรงจุด ครอบคลุมการจัดเตรียมสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำเป็นพิเศษ ผ่านสถาบันการเงินเฉพาะกิจ เพื่อเพิ่มสภาพคล่องและลดภาระทางการเงินของผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะในกลุ่ม SMEs ของห่วงโซ่อุปทานที่เกี่ยวข้องกับการส่งออกไปยังสหรัฐฯ

สำหรับปัจจัยที่จะต้องติดตามอย่างใกล้ชิด ได้แก่

1. นโยบายด้านภาษีของสหรัฐฯ และผลกระทบทางอ้อมจากการไหลเข้าของสินค้าจากประเทศที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายด้านภาษีที่ย้ายตลาดเข้าสู่ไทยมากขึ้น
2. ทิศทางของการปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟด
3. ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ ทั้งในและนอกประเทศ
4. ระดับหนี้ครัวเรือนของภาคประชาชน
5. การย้ายฐานการลงทุนและการผลิต ในอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายด้านภาษีของสหรัฐฯ

ส่วนสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา โดยประเมินว่า ผลกระทบมีจำกัดอยู่ในพื้นที่ชายแดน 7 จังหวัด และความเสียหายด้านทรัพย์สินและเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นจากการต่อสู้ทางการทหาร ซึ่งกระทรวงการคลัง ได้ให้ความช่วยเหลือเพื่อบรรเทาผลกระทบต่อผู้ที่ได้รับผลกระทบ ทั้งนี้จะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และเตรียมความพร้อมที่จะออกมาตรการเพิ่มเติมอย่างเหมาะสมได้ทันท่วงทีต่อไป

นายพรชัยกล่าวถึงเศรษฐกิจในเดือนมิ.ย. 2568 เติบโต ได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการส่งออกสินค้าที่ขยายตัวในระดับสูงอยู่ที่ 28,649.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 12 ที่ 15.5% ตลาดคู่ค้าหลักปรับตัวเพิ่มขึ้นในตลาดสหรัฐฯ จีน และอินเดียแต่การบริโภค และการลงทุนภาคเอกชน ส่งสัญญาณชะลอตัวจากเดือนก่อน รวมถึงจำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศ

ภาพรวมภาวะตลาดการเงินไทยล่าสุด เริ่มมีสัญญาณฟื้นตัวบางส่วน โดยเฉพาะในตลาดทุน  ได้รับแรงสนับสนุนจากกลุ่มนักลงทุนบุคคล ในประเทศ แม้จะเริ่มมีแรงขายสุทธิกลับเข้ามาบ้างในช่วงเดือนก.ค. แต่ยังคงสะท้อนถึงความเชื่อมั่นของของนักลงทุนไทย ขณะที่กลุ่มนักลงทุนต่างชาติ มียอดซื้อสุทธิทั้งเดือน รวมทั้งสิ้น 4,816 ล้านบาท โดยเป็นการปรับพอร์ตบางส่วน ภายใต้ภาวะการคาดการณ์เสถียรภาพของเศรษฐกิจและตลาดเงินที่ดีขึ้น