จีนและสหรัฐฯตกลงขยายเวลาสงบศึกการค้า

HoonSmart.com>>จีนและสหรัฐฯ ตกลงที่จะคงการระงับการเก็บภาษีศุลกากรระหว่างกันต่อไป เจ้าหน้าที่การค้าระดับสูงของจีนกล่าวเมื่อวันอังคาร(29 ก.ค. 2568) ที่กรุงสตอกโฮล์ม หลังจากการประชุมกับเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ เป็นเวลาสองวัน

นายหลี่ เฉิงกัง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ของจีนประกาศเรื่องนี้ระหว่างการแถลงข่าวที่กรุงสตอกโฮล์มเมื่อวันอังคาร ตามเวลาท้องถิ่นที่ผ่านมา หลังการเจรจาการค้าระหว่างสองมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ

นายหลี่ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า ทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะคงอัตราภาษีศุลกากรไว้ที่ระดับปัจจุบัน โดยสหรัฐฯ เก็บภาษีสินค้าจีนที่ 30% และจีนเก็บภาษีสินค้าสหรัฐฯ ที่ 10%

ระหว่างการแถลงข่าว นายหลี่อธิบายว่าการหารือครั้งนี้เป็นไปอย่าง “ตรงไปตรงมา” และ “เจาะลึก” โดยระบุว่าทั้งสองประเทศตระหนักถึงความสำคัญของการรักษาความสัมพันธ์ทางการค้าที่ดี

นายหลี่ยังกล่าวอีกว่าทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะรักษาการติดต่ออย่างใกล้ชิดและสื่อสารกันอย่างทันท่วงทีในประเด็นการค้าและเศรษฐกิจ

เจ้าหน้าที่จีนยังระบุด้วยว่าทั้งสองประเทศได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับประเด็นเศรษฐกิจมหภาคระหว่างการหารือ

เจ้าหน้าที่ด้านการค้าของจีนและสหรัฐฯ จัดการเจรจาการค้ารอบล่าสุดที่กรุงสวีเดนในวันจันทร์และอังคาร เพื่อพยายามแก้ไขปัญหาความขัดแย้งเรื่องภาษีศุลกากรที่ทำให้ความสัมพันธ์ทางการค้าที่สำคัญระหว่างสองประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลกเบี่ยงเบนไป

ในวันแรก การเจรจาใช้เวลาเกือบห้าชั่วโมงในห้องปิดที่สำนักงานนายกรัฐมนตรีสวีเดนเมื่อวันจันทร์ ก่อนที่การเจรจาจะกลับมาดำเนินการอีกครั้งในวันอังคาร

ทั้งสองฝ่ายได้ถอยกลับจากจุดวิกฤตระหว่างการเจรจาทวิภาคีที่เจนีวาในเดือนพ.ค.และตกลงที่จะระงับการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนที่พุ่งสูงลิ่วเป็นเวลา 90 วัน ซึ่งกำหนดจะสิ้นสุดในวันที่ 12 ส.ค.นี้

ประเด็นอื่นๆ ในวาระการประชุม ได้แก่ การเข้าถึงตลาดจีนของธุรกิจอเมริกัน การลงทุนของจีนในสหรัฐฯ ส่วนประกอบของเฟนทานิลที่ผลิตในจีนที่ส่งถึงผู้บริโภคในสหรัฐฯ การที่จีนซื้อน้ำมันจากรัสเซียและอิหร่าน และมาตรการของสหรัฐฯ ในการจำกัดการส่งออกเทคโนโลยีตะวันตก เช่น ชิปที่ช่วยขับเคลื่อนระบบปัญญาประดิษฐ์

การประชุมที่สตอกโฮล์มอาจทำให้มีความชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับแนวโน้มของการประชุมสุดยอดที่จะจัดขึ้นในช่วงปลายปีนี้ระหว่างทรัมป์และประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีน ซึ่งบางคนมองว่าเป็นขั้นตอนสำคัญในการบรรลุข้อตกลงสำคัญระหว่างทั้งสองประเทศ