HoonSmart.com>>บล.กสิกรไทยให้แนวรับ 1,205 และ 1,175 แนวต้านอยู่ที่ 1,230 และ 1,255 จุด ติดตามการประชุมเฟด กำไรบจ. ผลเจรจาภาษีไทย-สหรัฐฯ ทิศทางเงินทุนต่างชาติ ด้านธนาคารกสิกรไทยมองค่าเงินบาทแกว่งแถว 32.00-32.80 บาทต่อดอลลาร์ฯ หลังปลายสัปดาห์ที่ผ่านมาแข็งค่าในรอบกว่า 3 ปี 5 เดือนที่ระดับ 32.11 ก่อนอ่อนตัวปิดที่ 32.37 บาท
บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทยมองหุ้นสัปดาห์ถัดไป (28 ก.ค.-1 ส.ค. 2568 ว่า ดัชนีหุ้นมีแนวรับที่ 1,205 และ 1,175 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,230 และ 1,255 จุด ตามลำดับ
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ การประชุมเฟด (29-30 ก.ค.) ผลประกอบการไตรมาส 2/2568 ของบจ.ไทย ประเด็นเกี่ยวกับมาตรการภาษีตอบโต้ของสหรัฐฯ โดยเฉพาะผลการเจรจาการค้าระหว่างไทยและสหรัฐฯ รวมถึงทิศทางเงินทุนต่างชาติ
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ข้อมูลการจ้างงานภาคเอกชนของ ADP ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร อัตราการว่างงาน ดัชนี PMI/ISM ภาคการผลิตเดือนก.ค. รายได้และรายจ่ายส่วนบุคคล ดัชนี PCE/Core PCE Price Index เดือนมิ.ย. ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 2/2568 รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ขณะที่ปัจจัยเศรษฐกิจต่างประเทศอื่น ๆ ได้แก่ การประชุม BOJ ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 2/2568 ของยูโรโซน ดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือนก.ค. ของจีน ญี่ปุ่น ยูโรโซน และอังกฤษ ตลอดจนดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนก.ค. (เบื้องต้น) ของยูโรโซน
หุ้นต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาดัชนีหุ้นแกว่งตัวในกรอบแคบ ก่อนจะร่วงลงแรงในเวลาต่อมาตามแรงขายจากกลุ่มนักลงทุนสถาบันในประเทศ โดยเฉพาะในหุ้นบิ๊กแคปรายตัว อาทิ หุ้นบริษัทพลังงาน ค้าปลีก เทคโนโลยี รวมถึงแบงก์ที่เพิ่งเสร็จสิ้นการประกาศงบไตรมาส 2/2568 แต่ดัชนีหุ้นดีดตัวขึ้นและกลับมายืนเหนือ 1,200 จุดในช่วงกลางสัปดาห์ จากความคาดหวังเกี่ยวกับผลการเจรจาการค้าระหว่างไทยและสหรัฐฯ หลังมีรายงานข่าวว่าญี่ปุ่นและฟิลิปปินส์ได้บรรลุข้อตกลงการค้ากับสหรัฐฯ แล้วและอัตราภาษีนำเข้าจะถูกปรับลงเหลือ 15% และ 19% ตามลำดับ
ดัชนีหุ้นย่อตัวลงอีกครั้งในเวลาต่อมา หลังสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชามีความตึงเครียดและยกระดับความรุนแรงขึ้น แต่กรอบการปรับตัวลงขอยังค่อนข้างจำกัด หลังประเมินว่าน่าจะส่งผลกระทบจำกัดต่อภาพรวมเศรษฐกิจ แม้จะยังคงต้องติดตามสถานการณ์ต่อไปอย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ ตลาดยังกลับมารอติดตามประเด็นการเจรจาการค้าไทย-สหรัฐฯ อย่างใกล้ชิด เนื่องจากใกล้เส้นตายวันที่ 1 ส.ค. 2568
ในวันศุกร์ที่ 25 ก.ค. 2568 ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,217.15 จุด เพิ่มขึ้น 0.88% จากระดับปลายสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 44,247.05 ล้านบาท ลดลง 8.50% ส่วนดัชนี mai ลดลง 0.96% มาปิดที่ระดับ 248.24 จุด
แนวโน้มค่าเงินบาทสัปดาห์ระหว่างวันที่ 28 ก.ค.-1 ส.ค. 2568 ธนาคารกสิกรไทยมองกรอบการเคลื่อนไหว ที่ระดับ 32.00-32.80 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ผลการเจรจาการค้าของสหรัฐฯ กับไทย ผลการประชุม FOMC (29-30 ก.ค.) และ BOJ (30-31 ก.ค.) รวมถึงฟันด์โฟลว์ของต่างชาติ ทิศทางราคาทองคำในตลาดโลก และรายงานเศรษฐกิจและการเงินเดือนมิ.ย. ของไทย
เงินบาทแข็งค่าขึ้นโดยได้รับแรงหนุนจากราคาทองคำในตลาดโลกที่ปรับตัวกลับขึ้นไปยืนเหนือแนว 3,400 ดอลลาร์ฯ ต่อออนซ์อีกครั้งในระหว่างสัปดาห์ ประกอบกับสกุลเงินเอเชียส่วนใหญ่ขยับแข็งค่าขึ้น สวนทางเงินดอลลาร์ฯ ที่ขาดปัจจัยใหม่ ๆ มาหนุน เนื่องจากตลาดกลับมารอติดตามสถานการณ์การเจรจาการค้าของสหรัฐฯ กับประเทศคู่ค้าก่อนเส้นตาย 1 ส.ค. นี้ นอกจากนี้ เงินดอลลาร์ฯ น่าจะมีแรงกดดันเพิ่มเติมจากความกังวลเกี่ยวกับความเป็นอิสระของเฟด หลังจากที่ยังคงมีคำกล่าววิจารณ์การทำงานของประธานเฟดอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ เงินบาทแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบ 3 ปี 5 เดือนที่ 32.11 บาทต่อดอลลาร์ฯ ก่อนจะกลับมาอ่อนค่าลงช่วงท้ายสัปดาห์ตามทิศทางราคาทองคำตลาดโลกที่ปรับตัวลง (ท่ามกลางความหวังว่าการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับหลาย ๆ คู่ค้ามีแนวโน้มจะได้ข้อสรุป) ประกอบกับตลาดยังรอติดตามสถานการณ์ระหว่างไทย-กัมพูชาอย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ เงินดอลลาร์ฯ ยังมีปัจจัยบวกเข้ามาเพิ่มเติมจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ (อาทิ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และ PMI เบื้องต้นสำหรับเดือนก.ค.) ที่ออกมาดีกว่าที่คาดด้วยเช่นกัน
ในวันศุกร์ที่ 25 ก.ค. 2568 เงินบาทปิดตลาดในประเทศที่ 32.37 บาทต่อดอลลาร์ฯ เทียบกับระดับ 32.38 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (18 ก.ค.)
สำหรับสถานะพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติระหว่างวันที่ 21-25 ก.ค. 2568 นั้นซื้อสุทธิหุ้นไทย 8,802 ล้านบาท และมีสถานะอยู่ในฝั่ง Net Inflows เข้าตลาดพันธบัตรไทย 3,046 ล้านบาท (ซื้อสุทธิพันธบัตร 3,051 ล้านบาท หักตราสารหนี้หมดอายุ 5 ล้านบาท)
