
บริษัท ไซยะบุรี พาวเวอร์ (XPCL) บริษัทร่วมในเครือของ บริษัท ซีเค พาวเวอร์ (CKP) หนึ่งในผู้นำในการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคและมีคาร์บอนฟุตพรินต์ที่ต่ำที่สุดรายหนึ่ง ซึ่งเป็นผู้ดำเนินการโรงไฟฟ้าพลังน้ำ ไซยะบุรี เมื่อเร็วๆ นี้ได้เปิดขายหุ้นกู้เพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อมสกุลเงินบาท (Green Debentures) ครั้งที่ 1/2568 ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ และหุ้นกู้เพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อมสกุลเงินบาทแบบมีประกัน (Guaranteed Green Debentures) ครั้งที่ 2/2568 ประเภทไม่ด้อยสิทธิ และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ โดยเสนอขายให้แก่นักลงทุนสถาบัน และ/หรือ ผู้ลงทุนรายใหญ่ เมื่อวันที่ 18, 21 และ 22 ก.ค. 2568 นั้น ประสบความสำเร็จอย่างสูง สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อศักยภาพของบริษัท ในมิติการดำเนินธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนที่มีบทบาทสำคัญในการเสริมสร้างเสถียรภาพทางพลังงานของประเทศไทย และช่วยขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านสู่การใช้พลังงานหมุนเวียนร่วมกัน
การออกหุ้นกู้ครั้งนี้เป็นไปตามเกณฑ์ที่สำนักงาน ก.ล.ต. ได้มีการปรับปรุงเกณฑ์การอนุญาตออกและเสนอขายตราสารหนี้สกุลเงินบาทในประเทศไทยโดยกิจการต่างประเทศ (Baht Bond) ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2567 ซึ่งกำหนดให้ Baht Bond ต้องมีการจัดอันดับความน่าเชื่อถือของหุ้นกู้โดยสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายต่างประเทศ
ทั้งนี้หุ้นกู้ดังกล่าวนี้ได้รับการจัดอันดับเครดิตสากลของหุ้นกู้รุ่นที่ 1/2568 ที่ B+/Stable และหุ้นกู้แบบมีประกันรุ่นที่ 2/2568 ที่ BBB+/Stable โดย Fitch Ratings สะท้อนถึงกระแสเงินสดที่มั่นคงซึ่งมาจากสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาวกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) รวมถึงโครงสร้างสัญญาซื้อขายไฟฟ้าที่ช่วยลดความเสี่ยงและต้นทุนการผลิตไฟฟ้าที่แข่งขันได้โดยไม่มีต้นทุนเชื้อเพลิงที่ใช้ในการผลิต

จุดแข็ง XPCL
XPCL ได้รับสัมปทานจากรัฐบาล สปป.ลาว ให้ออกแบบ พัฒนา ก่อสร้าง และดำเนินการ โรงไฟฟ้าพลังน้ำ ไซยะบุรี มีกำลังผลิตติดตั้ง 1,285 เมกะวัตต์ ซึ่งไฟฟ้าที่ผลิตได้เกือบทั้งหมดจำหน่ายให้แก่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้าซึ่งมีระยะเวลา 29 ปี นับตั้งแต่เริ่มเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2562
ทั้งนี้ XPCL ผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังน้ำเฉลี่ยได้กว่า 7,000 กิกะวัตต์ชั่วโมงต่อปี (GWh/Year) โดยพลังงานดังกล่าวจัดเป็นพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy) ซึ่งเป็นพลังงานสะอาดที่อนุรักษ์สิ่งแวดล้อม สามารถช่วยให้ประเทศไทยหลีกเลี่ยงการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ประมาณ 3.8 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี (tCO2e)
นอกจากนี้หุ้นกู้เพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อมของ XPCL มีการจัดทำและดำเนินการตามกรอบตราสารหนี้เพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม (Green Bond Framework) ซึ่งเป็นไปตามมาตรฐาน Green Bond Principles 2021, Green Loan Principles 2021 และ ASEAN Green Bond Standards 2018 และได้ผ่านการสอบทานโดยองค์กรรับรองมาตรฐานชั้นนำของโลก DNV ในฐานะผู้สอบทานอิสระ (Independent External Reviewer) สะท้อนถึงมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมของ XPCL ได้เป็นอย่างดี ซึ่งที่ผ่านมา XPCL ประสบความสำเร็จอย่างมากในการเสนอขายหุ้นกู้เพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อมเมื่อปี 2565-2566 ที่ผ่านมา มูลค่ารวม 11,895 ล้านบาท
ขณะเดียวกัน XPCL มีผู้ถือหุ้นหลักเป็นบริษัทพลังงานชั้นนำในประเทศไทย ได้แก่ บริษัท ซีเค พาวเวอร์ หรือ CKP (ทริส เรทติ้งให้เกรด A-) ถือหุ้น 42.5% บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ หรือ GPSC (ทริสให้เรทติ้ง AA+) ถือหุ้นผ่านบริษัทย่อยที่ 25% และบริษัท ผลิตไฟฟ้า หรือ EGCO ( ทริสให้เรทติ้ง AA+) ถือหุ้น 12.5%
ปี 67 ฟาดกำไรทะลุ 11,928 ล้านบาท
ผลการดำเนินงานของ XPCL ในปี 2567 มีรายได้ 13,478 ล้านบาท มีกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) จำนวน 11,928 ล้านบาท มีทรัพย์สินรวมจำนวน 127,576 ล้านบาท และมีอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้นรวมอยู่ที่ 1.53 เท่า
ส่วนไตรมาสที่ 1/2568 บริษัทมีรายได้รวม 2,866 ล้านบาทมีกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) จำนวน 2,515 ล้านบาท และมีหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้นรวม (ตามข้อกำหนดสิทธิของผู้ถือหุ้นกู้) ณ วันที่ 30 มิ.ย. 2568 อยู่ที่ระดับ 1.48 เท่า ซึ่งต่ำกว่าข้อกำหนดหุ้นกู้ที่ให้ดำรงอัตราส่วนดังกล่าวไม่ให้สูงเกิน 3.00 เท่า
การเสนอขายกรีนบอนด์ครั้งนี้ เพิ่มโอกาสในการเติบโตให้กับ บริษัท ไซยะบุรี พาวเวอร์ (XPCL) ได้อีกมาก และเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนผ่านสู่แนวทางการดำเนินธุรกิจที่คำนึงถึงอนาคต เสริมสร้างโอกาสใหม่ในการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน
