HoonSmart.com>>ไทยหวังจบดีลสหรัฐสวยภาษี 18-20 % หลังเห็นความสำเร็จญี่ปุ่นเคาะที่ 15% ฟิลิปปินส์ 19% ต่างชาติเดินหน้าช้อปหุ้นไทยหนักมือ 4,492 ล้านบาท รวมเดือนก.ค.เก็บไปแล้ว 11,130 ล้านบาท ได้ราคาทองเพิ่มขึ้น 400 บาท ดันเงินบาทปิดที่ 32.15 บาทแข็งค่าในรอบ 10 เดือน แซงภูมิภาค ส่งผลบวกต่อธุรกิจไทยที่ออกไปลงทุนเมืองนอก หุ้นไฟฟ้าเด่น ดอกเบี้ยจ่ายจ่อลดลง แต่ผู้ส่งออกเหนื่อย โดนภาษีเพิ่ม เจอบาทแข็งมากเกินไป แข่งขันลำบาก กำลังซื้อลดลงตามเศรษฐกิจโลก
วันที่ 23 ก.ค.2568 หุ้นเอเชียปรับตัวขึ้นเกือบทุกตลาด นำโดยญี่ปุ่นพุ่งแรง +3.51% หลังประสบความสำเร็จในการเจรจาการค้ากับสหรัฐ จบภาษีที่ 15 % ตามด้วยหุ้นไทยเพิ่มขึ้น 2.34% บนความหวังว่าจะดีลภาษีที่ 18-20 % เกาะกลุ่มภูมิภาค ล่าสุดฟิลิปปินส์เคาะภาษี 19% เท่ากับอินโดนีเซีย ส่วนเวียดนามสรุปที่ 19% สร้างความหวังให้นักลงทุนต่างชาติกลับมาเลือกซื้อหุ้นขนาดใหญ่ของไทย ราคาต่ำกว่ามูลค่าที่ควรจะเป็น สิ้นวันซื้อหนักถึง 4,492 ล้านบาท ต่อเนื่องจากเมื่อวานซื้อสุทธิ 1,821 ล้านบาท โดยรวมเดือนก.ค. จัดไป 11,130 ล้านบาท ขณะที่นักลงทุนไทยที่อมหุ้นมานาน สบโอกาสขายทำกำไรวันนี้-5,451 ล้านบาท รวมเดือนก.ค.15,378.99 ล้านบาท
ส่วนตลาดล่วงหน้าต่างชาติซื้อ TFEX 4,007 สัญญา และซื้อตราสารหนี้ไทยสุทธิเพียง 617 ล้านบาท
นักลงทุนไล่ซื้อหุ้นขนาดใหญ่ หนุนดัชนียืนเหนือ 1,200 จุดปิดที่ 1,219.62 จุด เพิ่มขึ้น 27.87 จุด นำโดยกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ พี่ใหญ่ DELTA พุ่งขึ้น 4% ปิดที่ 142.50 บาท บวก 5.50 บาท กลุ่มโรงไฟฟ้า GULFโดดเด่น ปิดที่ 45.25 บาท เพิ่มขึ้น 2 บาทหรือ +4.62% ค้าปลีก CPALL ธนาคาร เช่น BBL, KTB และ ท่องเที่ยว
นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ นักกลยุทธ์การลงทุน บล.ลิเบอเรเตอร์ กล่าวว่า ตลาดหุ้นวันนี้ปรับตัวขึ้นได้ดีกว่าตลาดภูมิภาค และตลาดยุโรปที่เทรดบ่ายนี้บวกไปกว่า 1% คาดว่าจะเป็นความคาดหวังผลเจรจาการค้าสหรัฐฯ-ไทย ที่อาจจะได้รับการลดภาษีฯลงมาให้อยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับภูมิภาค ล่าสุดสหรัฐฯคิดภาษีนำเข้าสินค้าจากฟิลิปปินส์ 19% และญี่ปุ่นแค่ 15% ทำให้เกิดแรงเก็งกำไรในประเด็นภาษี และเงินบาทที่แข็งค่า รวมถึงแรงซื้อจากนักลงทุนต่างชาติ ทำให้โมเมนตัมตลาดค่อย ๆ ฟื้นตัวขึ้น
นอกจากนี้ นักลงทุนอยู่ในภาวะกลัวตกรถมากขึ้น ส่งผลให้หากมีปัจจัยลบเข้ามา ตลาดก็จะตอบรับได้น้อย แสดงให้เห็นคนมองบวกตลาดหุ้นไทยมากขึ้น และการขึ้นรอบนี้เป็นลักษณะของการขึ้นยกแผง โดยหุ้นในกลุ่มโรงไฟฟ้าปรับขึ้นได้ดี อิเล็กทรอนิกส์ก็เป็นกำลังสำคัญ ส่วนค้าปลีกก็ขยับขึ้นด้วย
แนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้ (24 ก.ค.) ตลาดคงจะแกว่งออกด้านข้าง โดยมีแนวต้านที่เส้น 200 วัน ที่ 1,240 จุด แนวรับ 1,210 จุด
สำหรับเงินบาทวันนี้ปิดที่ 32.15 บาท/ดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่าสุดในรอบ 9 เดือน ซึ่งหากหลุด 32 บาท ก็จะแข็งค่าสุดในรอบ 4 ปี เงินบาทอยู่ในทิศทางแข็งค่า แสดงให้เห็นถึงกระแสเงินทุนไหลเข้าในช่วงสั้น โดยอาจเข้ามาทางหุ้น หรือพันธบัตรบ้าง โดยเงินบาทแข็งค่าจะส่งผลกระทบต่อกลุ่มส่งออก ซึ่งไตรมาส 1/2568 เงินบาทอยู่ที่ 34 บาท ไตรมาส 2 แข็งค่ามาปิดที่ 32.5 บาท/ดอลลาร์สหรัฐฯ แต่ผู้ส่งออกอาจจะยังไม่เจ็บมาก เพราะไตรมาส 2 มีการเร่งส่งออกก็เลยชดเชยกันไป
แต่ไตรมาส 3 เงินบาทแข็งค่าขึ้นอีกมาล่าสุด 32.15 บาท แข็งค่ากว่าไตรมาส 2 ซึ่งปกติไตรมาส 3 จะเป็นฤดุการส่งออก แต่ครั้งนี้ได้มีการเร่งส่งออกไปในไตรมาส 2 แล้ว ดังนั้นไตรมาส 3 วอลุ่มหด เงินบาทแข็งค่า คงจะต้องจับผลกระทบกับกลุ่มส่งออกที่อาจต้องลำบาก
อย่างไรก็ดี กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ เป็นกลุ่มส่งออก แต่ก็เป็นเมกะเทรนด์ ทำให้อาจไม่ได้รับผลกระทบมาก และหุ้นแต่ละตัวก็มี Story ของตัวเอง เช่น CCET มีการเปิด 2 โรงงาน ดังนั้นก็จะชดเชยกันไป
———————————————————————————————————————————————————–

