HoonSmart.com>>ดาวโจนส์ปิดบวก 179 จุด นักลงทุนเกาะติดการรายงานผลประกอบการ ขายหุ้นชิป และบริษัทผลิตรถยนต์ ซื้อหุ้นกลุ่มเฮลธ์แคร์ ทรัมป์ประกาศความสำเร็จการเจรจากับฟิลิปปินส์ สหรัฐเก็บภาษีนำเข้าสินค้า 19% ส่วนจีนนัดคุยสัปดาห์หน้าที่กรุงสตอกโฮล์ม จ่อขยายเส้นตายวันที่ 12 ส.ค.ออกไป ด้านตลาดหุ้นยุโรปลดลง ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลงเล็กน้อย
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average: DJIA) วันที่ 22 ก.ค. 2568 ปิดที่ 44,502.44 จุด เพิ่มขึ้น 179.37 จุด หรือ +0.40% ขณะที่ดัชนี S&P 500 ยังคงปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ นักลงทุนเกาะติดการรายงานผลประกอบการ รวมถึงประเมินคำเตือนเรื่องภาษีศุลกากรจากบริษัท General Motors ตลอดจนพัฒนาการด้านการค้าล่าสุดด้วย
ดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,309.62 จุด เพิ่มขึ้น 4.02 จุด, +0.06%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 20,892.68 จุด ลดลง 81.49 จุด, -0.39%
หุ้นชิปตกอยู่ภายใต้แรงกดดันจากความเชื่อมั่นต่ออุตสาหกรรมที่ลดลง รายงานของ The Wall Street Journal ระบุว่าโครงการ AI มูลค่า 5 แสนล้านดอลลาร์ของ SoftBank และ OpenAI กำลังประสบปัญหาในการเริ่มต้นและต้องลดขนาดแผนระยะสั้นลง หุ้น Broadcom ลดลงกว่า 3% และ Nvidia ผู้นำด้านปัญญาประดิษฐ์ลดลงกว่า 2% ส่วน Taiwan Semiconductor Manufacturing ลดลงเกือบ 2% หุ้น Philip Morris ลดลง 8% หุ้น RTX และหุ้น Lockheed Martin ร่วงลง 11% หลังจากผลประกอบการรายไตรมาสสร้างความผิดหวังให้กับตลาด
หุ้น General Motors ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ ร่วงลงกว่า 8% หลังรายงานว่ากำไรหลักของบริษัทลดลงกว่า 32% ในไตรมาสที่สอง เนื่องจากอุปสรรคด้านภาษีศุลกากรทำให้ผลประกอบการของบริษัทลดลง 1.1 พันล้านดอลลาร์ บริษัทเตือนว่าผลกระทบจะรุนแรงขึ้นในไตรมาสปัจจุบัน ซึ่งเป็นประเด็นที่นักลงทุนกำลังพิจารณาถึงผลกระทบของนโยบายการค้าของประธานาธิบดีทรัมป์
อย่างไรก็ตาม การลดลงของตลาดถูกชดเชยด้วยการปรับขึ้นของตลาดในวงกว้างที่นอกเหนือจากกลุ่มเทคโนโลยี นักลงทุนแห่เข้าลงทุนในกลุ่มเฮลธ์แคร์ ซึ่งให้ผลตอบแทนดีกว่าตลาด ด้วยราคาหุ้นที่ปรับขึ้นเกือบ 2% โดยได้รับแรงหนุนจากการพุ่งขึ้นเกือบ 18% ของ IQVIA
หลังจากรายงานผลประกอบการและรายได้ที่พุ่งสูงขึ้น
นอกจากนี้ตลาดยังฟื้นตัวกลับจากที่ร่วงลงในช่วงแรก หลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ทรัมป์ประกาศข้อตกลงการค้าฉบับใหม่กับฟิลิปปินส์ ซึ่งจะเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากฟิลิปปินส์ 19% ซึ่งถือเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าความคืบหน้าเชิงบวกเพิ่มเติมในด้านการค้าอาจเกิดขึ้นในอนาคต
ในขณะเดียวกัน เส้นตายวันที่ 1 ส.ค.ของทรัมป์ในการบรรลุข้อตกลงหรือขึ้นภาษีกำลังคืบคลานเข้ามา แต่ความคืบหน้ายังคงคลุมเครือ โดยมีรายงานว่าการเจรจากับอินเดียยังคงติดขัด ขณะที่การเจรจากับสหภาพยุโรปยังคงชะงักงัน แต่ยังมีความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับจีนอยู่บ้าง
รัฐมนตรีกระทรวงการคลังสก็อตต์ เบสเซนต์ กล่าวว่าเขาจะพบกับรัฐมนตรีกระทรวงการคลังจีนที่กรุงสตอกโฮล์มในสัปดาห์หน้า โดยคาดว่าการหารือจะรวมถึงการขยายเส้นตายวันที่ 12 ส.ค.ออกไป เพื่อหลีกเลี่ยงการขึ้นภาษีที่พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว
ตลาดกำลังรอผลประกอบการไตรมาสที่สองจากบริษัทในกลุ่ม Magnificent Seven อย่าง Alphabet (และ Tesla (TSLA) ในวันพุธ
ขณะนี้บริษัทในดัชนี S&P 500 เกือบ 90 แห่งได้รายงานผลประกอบการ โดยเกือบ 85% ของบริษัทเหล่านี้มีผลประกอบการสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ตามข้อมูลของ FactSet นักลงทุนกำลังจับตาการให้ความเห็นจากบริษัทต่างๆ เกี่ยวกับความแน่นอนทางเศรษฐกิจมหภาค ผลกระทบของภาษีศุลกากร และรายละเอียดเกี่ยวกับอุปสงค์และการใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับ AI
ทางด้านตลาดหุ้นยุโรปปิดลบ โดยหุ้นเยอรมนีร่วงลงมากที่สุดในรอบ 2 เดือนภายในวันเดียว ท่ามกลางรายงานผลประกอบการของบริษัทที่น่าผิดหวังหลายรายและแนวโน้มที่ริบหรี่ของข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐฯ และสหภาพยุโรป ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่น
นักลงทุนให้ความสนใจกับฤดูกาลการรายงานผลประกอบการงวดนี้อย่างมาก เนื่องจากมองหาสัญญาณบ่งชี้ผลประทบต่อบริษัทส่งออกของยุโรปจากความไม่แน่นอนทางการค้าและค่าเงินยูโรที่แข็งค่าขึ้น
การคาดการณ์ผลประกอบการล่าสุดแสดงให้เห็นว่าแนวโน้มผลประกอบการของบริษัทในยุโรปดีขึ้นเล็กน้อย แม้ยังคงคาดการณ์ว่าจะลดลงโดยเฉลี่ย 0.3% ตามข้อมูลที่รวบรวม โดย LSEG ในปีที่แล้ว บริษัทในกลุ่ม STOXX 600 มีผลประกอบการในไตรมาสที่สองเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ย 3.0% ในบรรดาธนาคารใหญ่ หุ้น Julius Baer ธนาคารสวิสลดลง 2.1% เนื่องจากกำไรครึ่งปีแรกได้รับผลกระทบจากแรงกดดันจากการตั้งสำรองหนี้สูญและค่าธรรมเนียมจากการขายธุรกิจบริหารความมั่งคั่งในบราซิล
ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 544.34 จุด ลดลง 2.24 จุด, -0.41%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 9,023.81 จุด เพิ่มขึ้น 10.82 จุด, +0.12%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,744.41 จุด ลดลง 53.81 จุด, -0.69%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 24,041.90 จุด ลดลง 265.90 จุด, -1.09%
นักลงทุนยังคงระมัดระวังในการลงทุน เพราะขาดความคืบหน้าในการเจรจาที่ยืดเยื้อระหว่างสหรัฐฯ และยุโรป ขณะที่เตรียมพร้อมรับมือกับการที่สหภาพยุโรปอาจประกาศมาตรการตอบโต้ที่หลากหลายขึ้นต่อวอชิงตัน และอาจยกระดับความตึงเครียดทางการค้า
นักวิเคราะห์มองว่า หากยุโรปถูกเก็บภาษีนำเข้า 30% และตามด้วยมาตรการตอบโต้นจากสหภาพยุโรป จะส่งผลเสียอย่างมากต่อแนวโน้มการเติบโตของยูโรโซน ซึ่งเป็นภูมิภาคที่การเติบโตอยู่ในสถานะที่เปราะบางอยู่แล้ว
นักลงทุนยังจับตาการเปิดเผยผลสำรวจกิจกรรมทางธุรกิจและการตัดสินใจนโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในช่วงปลายสัปดาห์นี้ ตลาดคาดการณ์กันอย่างกว้างขวางว่า ECB จะคงอัตราดอกเบี้ยไว้เท่าเดิม
ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนส.ค. ลดลง 99 เซนต์ หรือ 1.47% ปิดที่ 66.21 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนก.ย. ลดลง 62 เซนต์ หรือ 0.9% ปิดที่ 68.59 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
———————————————————————————————————————————————————–

