BBIK กำไรโตทุกปี 3 ปีพุ่งเท่าตัว ติด SET 100 มาร์เก็ตแคปกระโดด 4,000 ลบ.เป็น 20,000 ลบ.

HoonSmart.com>>”บลูบิค กรุ๊ป” (BBIK) เลื่อนชั้นหุ้นเข้าเทรด SET หมวด ICT เปิดทางสถาบันไทย-เทศเข้าลงทุนได้เต็มที่ ปักธง 3 ปี พบกัน SET 100 ปั๊มกำไรพุ่งขึ้นอีก 1 เท่าตัว มาร์เก็ตแคปทะยานขึ้นจาก 4,000 ล้านบาท เป็นสูงกว่า 20,000 ล้านบาท ส่งบริษัทลูกอย่างน้อย 2 แห่งขาย IPO แย้ม M&A ดีลใหญ่ โอดมูลค่าหุ้นต่ำเกินไป เผย 12 กลยุทธ์สร้างการเติบโตอย่างมั่งคง เพิ่มงานต่างประเทศแซงหน้าในประเทศ บุกงานภาครัฐ เก่งกลุ่มการเงิน มุ่ง Virtual Bank และธนาคารพาณิชย์ 

นายพชร อารยะการกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บลูบิค กรุ๊ป (BBIK) ที่ปรึกษาชั้นนำด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันและการประยุกต์ใช้ AI ระดับองค์กร เปิดเผยว่า วันที่ 22 ก.ค. 2568 บริษัทได้เลื่อนขึ้นจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) กลุ่มเทคโนโลยี (TECH) หมวดเทคโนโลยีสารสนเทศและสื่อสาร (ICT) ตามแผนที่วางไว้ และตั้งเป้าว่าอีก 3 ปี หุ้นจะได้รับเลือกเข้าสู่การคำนวณดัชนีหุ้น SET 100 หลังจากกำไรเพิ่มขึ้นอีก 1 เท่าจากปัจจุบัน โดยมีดีลใหญ่ควบรวมกิจการ (M&A)ภายใน 2 ปีนี้ และมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (มาร์เก็ตแคป) ขณะนี้ที่ 4,000 ล้านบาทจะทะยานขึ้น ซึ่งหุ้นที่จะเข้า SET 100 ได้จะต้องมีมาร์เก็ตแคปประมาณ 20,000 ล้านบาท และช่วงที่ตลาดหุ้นดีๆ ก็จะไปได้ถึง 25,000 ล้านบาท ทั้งนี้หุ้น BBIK เคยมีมูลค่าสูงสุดถึง 14,000 ล้านบาทที่ผ่านมา

ปัจจุบันหุ้น BBIK มีมูลค่าต่ำกว่าที่ควรจะเป็น สวนทางกับการมีกำไรตลอดมา 12 ปี และสร้างสถิติใหม่อย่างต่อเนื่อง (all time high) เติบโตมากกว่ารายได้ที่ปีนี้ตั้งเป้าเพิ่มขึ้น 20% จากการมีอัตรากำไรสุทธิ 20% คาดว่าจะขยายเป็น 25%ได้ เพราะนอกจากเป็นไปตามภาวะตลาดหุ้นโดยรวมแล้ว การที่หุ้น BBIK ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ(mai) เป็นข้อจำกัดสำหรับการลงทุนของนักลงทุนสถาบัน โดยเฉพาะกองทุนต่างประเทศ เมื่อย้ายขึ้นไป SET แล้วจะเปิดโอกาสให้เข้ามาลงทุนได้อย่างเต็มที่ นักลงทุนที่เข้ามาในหุ้น BBIK ส่วนใหญ่มักถือลงทุนระยะยาว

” การเลื่อนชั้นขึ้นมาซื้อขายใน SET เป็นหมุดหมายที่สำคัญของบลูบิคฯ นอกจากเพิ่มสภาพคล่องหุ้น และสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ถือหุ้น นักลงทุนสถาบัน นักลงทุนรายย่อย และกองทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ ยังสนับสนุนการระดมเงินได้หลากหลาย นอกจากตราสารทุน ก็มี ตราสารหนี้ รวมถึงโอกาสในการขยายพันธมิตร และผู้ร่วมลงทุนต่างประเทศ  รวมถึงบริษัทมีการพัฒนาระบบภายในให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน”นายพชรกล่าว

ปัจจุบันบริษัทมีงานในมือประมาณ 1,000 ล้านบาท รายได้มาจากต่างประเทศประมาณ 10% ตั้งเป้าในอนาคตจะมีสัดส่วนมากกว่าในประเทศ ซึ่งงานในประเทศได้มีการขยายฐานงานภาครัฐที่มีขนาดใหญ่มาก  ส่วนงานภาคเอกชน มีความเชี่ยวชาญด้านอุตสาหกรรมการเงิน ซึ่งนักลงทุน 3 กลุ่มที่ได้รับใบอนุญาต Virtual Bank 3 ใบ ขณะนี้เป็นลูกค้าแล้ว 2 แห่ง คาดว่าจะได้ทั้งหมด ขณะเดียวกันธนาคารพาณิชย์ก็ยังไม่หยุดการลงทุนด้านเทคโนโลยี เพื่อเพิ่มความความสามารถในการแข่งขันในระยะยาว

ขณะเดียวกันบริษัทฯ ได้เพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานและบริการตลอดเวลา มีการปรับโลโก้และแท็กไลน์ใหม่เป็น “Ambition to Excellence” เพื่อสะท้อนความมุ่งมั่นในการพัฒนาและส่งมอบบริการที่เป็นเลิศให้แก่ลูกค้าและสังคม เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนให้แก่ผู้ถือหุ้นและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่ม บริษัทฯ ยังประกาศกลยุทธ์และแผนการดำเนินธุรกิจทั้งระยะสั้นและระยะยาว รวม 12 แผน ตอกย้ำการเป็นที่ปรึกษาชั้นนำด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันและการประยุกต์ใช้ AI ระดับองค์กรแบบครบวงจรในระดับภูมิภาค การหาพาร์ทเนอร์ ระดับโกลบอลเข้ามาร่วมสร้างการเติบโต สอดรับกับทิศทางเศรษฐกิจ เพิ่มศักยภาพการให้บริการที่ตอบโจทย์เทรนด์การทำธุรกิจยุคใหม่ เช่นตลาดเทรนนิ่ง เพื่อบรรลุเป้าหมายการเติบโตอย่างมั่นคง

“ปี 2568 ถือเป็นอีกปีที่เต็มไปด้วยความท้าทาย จากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและความขัดแย้งทั้งในและต่างประเทศ บริษัทฯ จึงปรับใช้กลยุทธ์ธุรกิจให้สอดรับกับสถานการณ์ในระยะสั้น พร้อมวางรากฐานการเติบโตในระยะยาวตามเมกะเทรนด์ เชื่อมั่นว่าการทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันยังคงเป็นกระแสหลักของการทำธุรกิจยุคใหม่ โดยเฉพาะการประยุกต์ใช้ AI ในภาคธุรกิจ ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น (First Wave) เมื่อสถานการณ์ต่าง ๆ คลี่คลายหรือมีทิศทางที่ชัดเจน การลงทุนด้านเทคโนโลยีจะกลับมาดำเนินการตามปกติ เพราะแผนการลงทุนด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมต้องทำอย่างต่อเนื่อง” นายพชร กล่าว

สำหรับกลยุทธ์และแผนงานระยะสั้น บลูบิคให้ความสำคัญกับการยกระดับกระบวนการทำงาน สร้างมาตรฐานและเพิ่มประสิทธิภาพ โดยเฉพาะเรื่องคนซึ่งเป็นต้นทุนหลัก เพราะมีผลต่อความสามารถในการทำกำไร ลดต้นทุน และการนำเสนอบริการแบบครบวงจรที่ตอบโจทย์ธุรกิจยุคใหม่ ได้แก่ การนำเสนอ AI-Led Enterprise Digital Transformation ที่ผสาน AI เข้ากับบริการหลัก การปรับกลยุทธ์การขาย พัฒนาแผนอัปสกิล (Upskill) และรีสกิล (Reskill) ให้กับพนักงาน และยกระดับการทำงานระหว่างบริษัทแม่และบริษัทในเครืออย่างต่อเนื่อง

ในส่วนของกลยุทธ์และแผนงานระยะยาว บริษัทเน้นการสร้างเครือข่ายองค์กรที่แข็งแกร่ง ผ่านการเติบโตจากการควบรวมกิจการและกิจการร่วมทุน การผลักดันบริษัทลูกที่มีศักยภาพเพื่อเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ และการพัฒนาโซลูชันเทคโนโลยีแบบครบวงจรเพื่อรองรับความต้องการทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันที่เพิ่มมากขึ้น

“การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ แสดงถึงความมุ่งมั่นของบลูบิคฯในการขับเคลื่อนการเติบโตให้ก้าวไกลยิ่งขึ้นในระดับภูมิภาค เราพร้อมเดินหน้าขยายธุรกิจ เสริมศักยภาพด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม และสร้างสรรค์บริการใหม่ ๆ ที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในโลกธุรกิจยุคใหม่ ทั้งหมดนี้เพื่อเสริมขีดความสามารถในการแข่งขัน สร้างการเติบโตที่มั่นคง และผลตอบแทนที่ยั่งยืน ตลอดจนสร้างคุณค่าในระยะยาวให้แก่ผู้ถือหุ้นและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่ม” นายพชร กล่าวทิ้งท้าย

ด้านราคาหุ้น BBIK  วันแรกใน SET ปิดที่ 19.50 บาท ร่วงลง 0.80 บาทหรือ-3.94% วันที่ 22 ก.ค. 2568