HoonSmart.com>>ตลาดหุ้นสหรัฐฯปรับตัวขึ้น โดยดัชนีดาวโจนส์ปิดบวก 231.49 จุด, S&P บวก 19.94 จุด และ Nasdaq บวก 52.69 จุด ท่ามกลางกระแสข่าว”ทรัมป์”ปลด”เจอโรม พาวเวลล์”ประธานเฟด ก่อน”ทรัมป์”ออกมาปฏิเสธข่าว ด้านตลาดยุโรปปิดปิดลบ ส่วนราคาน้ำมันอ่อนตัวลง
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average: DJIA) วันที่ 16 กรกฎาคม 2568 ปิดที่ 44,254.78 จุด เพิ่มขึ้น 231.49 จุด หรือ +0.53% และฟื้นตัวจากจุดต่ำสุดของวัน ท่ามกลางการซื้อขายผันผวน หลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กล่าวว่าไม่มีแผน”ที่จะปลดประธานธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) เจอโรม พาวเวลล์
ดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,263.70 จุด เพิ่มขึ้น 19.94 จุด, +0.32%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 20,730.49 จุด เพิ่มขึ้น 52.69 จุด, +0.25%
ตลาดหุ้นผันผวนอย่างรุนแรง หลังจากเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวบอกเป็นนัยกับสื่อหลายแห่งทั้ง CNBC และBloomberg ว่าประธานาธิบดี ทรัมป์ ใกล้จะปลดนายเจอโรม พาวเวลล์ ออกจากตำแหน่งประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ ซึ่งทำให้ดัชนี S&P 500 ร่วงลงในช่วงแรก
เจ้าหน้าที่ระดับสูงของทำเนียบขาวกล่าวกับสมาชิกสภานิติบัญญัติพรรครีพับลิกันว่า ทรัมป์ “มีแนวโน้ม” จะปลดพาวเวลล์ออกจากตำแหน่งประธานเฟดในเร็วๆ นี้ The New York Times รายงานว่าทรัมป์ได้ร่างจดหมายปลดพาวเวลล์ไปแล้ว และได้แสดงให้สมาชิกสภานิติบัญญัติดูในระหว่างการประชุม
อย่างไรก็ตาม ดัชนีดีดตัวขึ้นหลังจากทรัมป์ออกมาปฏิเสธรายงานดังกล่าวในเวลาต่อมา โดยกล่าวว่า มีโอกาสน้อยมาก ที่เขาจะปลดพาวเวลล์ในอนาคตอันใกล้นี้ “ไม่ เราไม่ได้วางแผนที่จะทำเช่นนั้น” ทรัมป์กล่าว พร้อมเสริมว่าเขาไม่ได้ “ตัดความเป็นไปได้อะไรออกไป”
ทรัมป์ยอมรับว่าเขาได้สอบถามต่อสมาชิกรัฐสภาพรรครีพับลิกันเมื่อค่ำวันอังคารที่ผ่านมาว่าควรปลดประธานสภาผู้แทนราษฎรหรือไม่ โดยกล่าวว่าสมาชิกรัฐสภาส่วนใหญ่เห็นพ้องต้องกันว่าเขาควรปลดประธานสภาผู้แทนราษฎร อย่างไรก็ตาม เขาปฏิเสธรายงานข่าวที่ว่าเขาได้ร่างจดหมายไล่พาวเวลล์ออกไว้แล้ว
แลร์รี เทนทาเรลลี ผู้ก่อตั้ง Blue Chip Daily Trend Report กล่าวตลาดคงไม่ชอบใจแน่ถ้าพาวเวลล์ถูกไล่ออก เห็นได้ชัดว่าเป็นเรื่องการเมือง แต่โดยรวมแล้ว นักลงทุนรายใหญ่ในตลาดส่วนใหญ่ต่างมองว่าพาวเวลล์ทำผลงานได้ดีมาก
ตลาดมีการซื้อขายในทิศทางที่ต่างกัน เนื่องจากนักลงทุนกำลังประเมินอัตราเงินเฟ้อที่พุ่งสูง และผลประกอบการชุดล่าสุดเพื่อหาสัญญาณผลกระทบต่อองค์กรธุรกิจจากภาษีนำเข้า
ข้อมูลใหม่ในสัปดาห์นี้ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อที่ยืดเยื้อและผลกระทบของมาตรการภาษีของทรัมป์ต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ ดัชนีราคาผู้บริโภคที่เผยแพร่เมื่อวันอังคารเพิ่มขึ้นในเดือนมิถุนายนจากเดือนพฤษภาคม แม้รายงานดัชนีราคาผู้ผลิต(PPI)เมื่อวานนี้จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงเมื่อเทียบรายเดือน แต่มาร์ค บัลเซอร์ ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนของ Girard กล่าวว่า ข้อมูลดังกล่าว ดูไม่สดใสนักเมื่อพิจารณาเบื้องต้น
ดัชนี PPI เดือนมิถุนายนเพิ่มขึ้น 2.3% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้
ผลประกอบการที่แข็งแกร่งของ Bank of America(BofA) และ Johnson & Johnson ช่วยบรรเทาความกังวลของตลาด เกี่ยวกับการคุกคามด้านภาษีที่เพิ่มขึ้นของทรัมป์ ธุรกิจซื้อขายหลักทรัพย์ของ BofA ได้ประโยชน์จากความผันผวนของตลาดที่เกิดจากนโยบายการค้า เช่นเดียวกับธนาคารอื่นๆ อย่าง Morgan Stanley และ Goldman Sachs
แม้จะมีผลประกอบการที่ดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ แต่ Bank of America และ Morgan Stanley ต่างก็ปิดตลาดลดลงเล็กน้อย แต่ Goldman Sachs เพิ่มขึ้นเกือบ 1%
ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบ โดยหุ้นกลุ่มชิปได้รับผลกระทบอย่างหนักหลังจากที่ ASML ส่งสัญญาณว่ารายได้ของบริษัทจะเติบโตลดลง ขณะที่รายงานที่ว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ กำลังพิจารณาปลดนายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ ก็ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นเช่นกัน
ดัชนี STOXX 600 ร่วงลงติดต่อกันเป็นวันที่ 4 ตลาดหุ้นในภูมิภาคส่วนใหญ่ก็ปรับตัวลดลงเช่นกัน
ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 541.84 จุด ลดลง 3.11 จุด, -0.57%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,926.55 จุด ลดลง 11.77 จุด, -0.13%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,722.09 จุด ลดลง 44.12 จุด, -0.57%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 24,009.38 จุด ลดลง 50.91 จุด, -0.21%
ตลาดร่วงลงอย่างหนักก่อนปิดตลาด หลังจาก Bloomberg รายงานว่าทรัมป์มีแนวโน้มที่จะปลดพาวเวลล์ ประธานเฟด แต่ทรัมป์กล่าวในภายหลังว่าเขาไม่มีแผนที่จะทำเช่นนั้น
บริษัท ASML ของเนเธอร์แลนด์เป็นตัวฉุดดัชนี STOXX มากที่สุด โดยร่วงลง 11.4% ซึ่งเป็นการร่วงลงมากที่สุดในรอบ 9 เดือน หลังจากเตือนว่าบริษัทอาจไม่สามารถเติบโตได้ในปี 2026 แม้ผลประกอบการในไตรมาสที่ 2 จะสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ก็ตาม
หุ้นชิปอื่นๆ ทั้ง BE Semiconductor, ASMI และ STMicroelectronics ร่วงลงระหว่าง 2.1% ถึง 5.2%
หุ้นรถยนต์ลดลง 1.8% นำโดย Renault ผู้ผลิตรถยนต์ฝรั่งเศสที่ร่วงลง 18.5% หลังจากเตือนเกี่ยวกับผลกำไร
หุ้น Fuchs ผู้ผลิตน้ำมันหล่อลื่นจากเยอรมนี ร่วงลง 12.9% จากผลประกอบการเช่นกันหลังจากที่ปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการในปี 2025 และประกาศผลประกอบการไตรมาส 2 ที่อ่อนแอกว่าที่คาดการณ์ไว้
การคาดการณ์รายได้ล่าสุดที่เผยแพร่เมื่อวันอังคารแสดงให้เห็นถึงแนวโน้มที่ถดถอยของสถานะทางการเงินธุรกิจในยุโรป เนื่องจากมาตรการภาษีล่าสุดของทรัมป์ทำให้ความไม่แน่นอนทางธุรกิจเพิ่มมากขึ้น
สำหรับการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจ อัตราเงินเฟ้อราคาผู้บริโภคของอังกฤษในเดือนมิถุนายน พุ่งขึ้นอย่างไม่คาดคิดสู่ระดับสูงสุดในรอบกว่าหนึ่งปีที่ 3.6% เพิ่มขึ้นจาก 3.4% ในเดือนพฤษภาคม
ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนสิงหาคม ลดลง 14 เซนต์ หรือ 0.21% ปิดที่ 66.38 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนกันยายน ลดลง 19 เซนต์ หรือ 0.28% ปิดที่ 68.52 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
