AH ปักธง ‘โกลบอล’ บุกตั้งบริษัทสหรัฐ จ้าง ‘จีน’ พัฒนา AI ‘ขาย-ใช้งาน’ เพิ่มกำไร

HoonSmart.com>>”อาปิโก ไฮเทค” (AH) วางกลยุทธ์ผู้เล่นระดับโกลบอล ตั้งบริษัทสหรัฐแล้ว กำลังหาพันธมิตรขยายการลงทุนสร้างโรงงานขยายกำลังผลิต และบริษัทในญี่ปุ่น เสริมทัพโรงงานในจีน  โปรตุเกส  ไทย มาเลเซีย  เพิ่มสัดส่วนรายได้ใน-นอกประเทศ จาก 60% และ 40% เป็น 50% จ้างบริษัทจีน พัฒนา AI เพื่อขายระบบและใช้งานเอง หนุนกำไรเติบโต  เพิ่มเรทติ้งลดต้นทุนทางการเงิน จากอยู่ที่ 3-4% ต่อปี ลั่นไม่กระทบอย่างมีนัยสำคัญจากนโยบายภาษีทรัมป์ 

นาย ซู ชวน เย็บ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อาปิโก ไฮเทค (AH) หนึ่งในผู้นำผู้ผลิตและจำหน่ายชิ้นส่วนยานยนต์ เปิดเผยว่า บริษัทวางกลยุทธ์ในการเป็นผู้เล่นระดับโกลบอล โดยออกไปตั้งบริษัทในสหรัฐอเมริกา ขยายการลงทุนโรงงาน หาโอกาสในการเติบโต ซึ่งจะต้องหาพาร์ทเนอร์เข้ามาร่วมลงทุน รวมถึงการขยายไปตั้งบริษัทในญี่ปุ่น จากปัจจุบันมีฐานธุรกิจในยุโรป (โปรตุเกส) จีน อินเดีย มาเลเซียและประเทศไทย เพื่อสร้างรายได้จากการส่งออกมากขึ้น จากที่มีสัดส่วนรายได้ในประเทศ 60% และต่างประเทศ 40% เพิ่มเป็น 50% เท่ากันและในประเทศเหลือ 40% ในอนาคต หลังจากเห็นยอดขายรถยนต์ในประเทศลดลงเหลือ 1.5 ล้านคัน คาดว่าสูงสุดคงไม่เกิน 2.5 ล้านคัน

” AH เป็นบริษัทเล็กๆ เราออกไปตั้งบริษัทในสหรัฐแล้ว จำเป็นจะต้องหาพันธมิตรเข้ามาร่วมลงทุน อยู่ระหว่างดำเนินการ หากออกไปได้ ส่งผลให้การดำเนินงานเติบโตและส่งผลต่อเนื่องถึงอันดับความน่าเชื่อถือที่ดีขึ้น ช่วยลดต้นทุนทางการเงินที่ปัจจุบันอยู่ที่ 3-4% ต่อปี ลดลงมากเทียบกับในช่วงที่เกิดโควิดระบาด เราเสียดอกเบี้ยถึง 7% ต่อปี แต่ขณะนี้ยังไม่รีบออกและเสนอขายหุ้นกู้ มีกระแสเงินสดในการขยายการลงทุน และหากจำเป็นต้องการใช้เงินจะพิจารณาสินเชื่อของธนาคารด้วย เพื่อเปรียบเทียบดอกเบี้ยที่จะต้องจ่าย” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร AH กล่าว

นอกจากนี้ บริษัทมีการใช้ AI ในการผลิตและดำเนินงาน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุน  จึงตัดสินใจจ้างบริษัทจีนที่มีการพัฒนามานานจนมีความเชี่ยวชาญสูงมาก ในการสร้าง AI เพื่อนำไปขายระบบสร้างรายได้ และนำมาใช้ในการดำเนินงานและผลิต ในราคา AI ถูกกว่าที่ซื้อจากญี่ปุ่นหรือสหรัฐอเมริกา หากสามารถลดต้นทุนได้ 5% ก็จะสะท้อนกลับเป็นกำไรเติบโต 5%

เว็บไซต์ของ AH ระบุว่า ผลการดำเนินงานไม่ได้รับผลกระทบโดยตรงอย่างมีนัยสำคัญจากนโยบายของทรัมป์ เนื่องจากส่งออกไปสหรัฐเพียง 0.6% ของรายได้รวม นอกจากนี้ลูกค้าหลักในประเทศไทย ผลิตรถกระบะเพื่อส่งออกไปยังตลาดทั่วโลก ยกเว้นสหรัฐ และส่วนใหญ่เป็นรถกระบะที่ขับเคลื่อนด้วยพวงมาลัยขวา จึงมีผลต่อรายได้เพียงเล็กน้อย

ทางด้านนักวิเคราะห์ 2 ใน 8 รายแนะนำซื้อ AH อีก 6 รายให้ถือ โดยรวมให้ราคาเฉลี่ย 14.33 บาท สูงสุดที่ 16 บาท และต่ำสุด 12.20 บาท

บล.พายแนะนำถือ เพราะราคาปัจจุบันใกล้เคียงกับมูลค่าเหมาะสมที่ให้ไว้ 13.40 บาท แม้ว่ากำไรไตรมาสแรกปีนี้ ออกมาดีเกินคาดที่ 306 ล้านบาท เติบโตถึง 155%จากไตรมาสก่อน (QoQ) หากไม่รวมกำไรพิเศษ 1.5 ล้านบาท กำไรปกติอยู่ที่ 305 ล้านบาท เติบโต 211% QoQ สวนทางอุตสาหกรรมที่ชะลอตัว

นอกจากนี้ผู้บริหารคาดว่าการไปตั้งบริษัทที่สหรัฐ เพื่อขยายโรงงานผลิตเพิ่ม คาดว่ายังต้องใช้เวลาอีกประมาณ 2 ปี จึงจะเริ่มรับรู้รายได้เข้ามา ดังนั้นบล.พายจึงคงประมาณการกำไรปีนี้ที่คาดไว้ที่ 752 ล้านบาท อาจจะปรับเพิ่มขึ้น ขอดูผลงานไตรมาสที่ 2 อีกครั้ง

ด้านราคาหุ้น AH ซื้อขายที่ 14.40 บาท ไม่เปลี่ยนแปลงจากวันก่อน