ดัชนีดาวโจนส์ปิดเพิ่มขึ้นกว่า 280 จุด แรงหนุนสหรัฐฯและจีนระงับสงครามการค้าชั่วคราว ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก ด้านราคาน้ำมันดิบ WTI พุ่ง 3.97%
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) ปิดตลาดวันที่ 3 ธันวาคม 2561 ที่ 25,826.43 จุด เพิ่มขึ้น 287.97 จุด หรือ 1.13% นักลงทุนขานรับการตกลงระงับการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนชั่วคราวจากการหารือร่วมกันของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐ กับประธานาธิบดี สี่ จิ้นผิงในเย็นวันเสาร์ที่ 1 ธันวาคม หลังเสร็จสิ้นการประชุมผู้นำกลุ่มประเทศ G-20 เพราะมองว่าจะบรรเทาผลกระทบต่อการค้าโลก
สหรัฐตกลงที่จะเลื่อนการเก็บภาษีในอัตรา 10% จากสินค้านำเข้าจีนออกไปจากที่กำหนดไว้ในวันที่ 1 มกราคม 2562 และจะเจรจาหาทางแก้ไขความขัดแย้งทางการค้าให้ลุล่วงภายใน 90 วัน ซึ่งหากไม่สามารถตกลงกันได้สหรัฐจะเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนรวมวงเงิน 200 พันล้านดอลลาร์ในอัตรา 25% ขณะที่จีนตกลงที่จะซื้อสินค้าเกษตรและพลังงานจากสหรัฐในปริมาณที่เพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ประธานาธิบดีทรัมป์ยังทวีตข้อความว่าจีนจะลดและยกเลิกภาษีนำเข้ารถยนต์จากสหรัฐที่ปัจจุบันเรียกเก็บในอัตรา 40%
นักวิเคราะห์ประเมินว่า การเจรจาจะขยายเวลาออกไปเมื่อครบกำหนด 90 วันเนื่องจากในเวลาสั้นอาจจะตกลงเงื่อนไขอะไรไม่ได้มากนัก โดยโกลด์แมนแซคส์ประเมินว่า มีโอกาสเพียง 20% ที่ทั้งสองฝ่ายจะสรุปข้อตกลงได้อย่างสมบูรณ์ นอกจากนี้ยังมองว่าความคืบหน้าในการแก้ไขความขัดแย้งทางการค้าจะทำให้นักลงทุนหันมาลงทุนบนปัจจัยพื้นฐานมากขึ้น โดยคาดว่าเศรษฐกิจจะชะลอตัวในปี 2019 เพราะผลของการปรับลดอัตราภาษีสหรัฐจะเริ่มน้อยลง ขณะที่ผลกระทบจากความขัดแย้งทางการค้ายังคงมีอยู่และจากต้นทุนทางการเงินที่สูงขึ้น
นักวิเคราะห์ประเมินว่าปี 2019 ผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนจะเติบโตเพียง 9% จาก 21% ในปีนี้
นักลงทุนกลับเข้าไปซื้อหุ้นที่มีธุรกิจในจีน โดยหุ้นโบอิ้งเพิ่มขึ้น 3.81% หุ้นแคทเธอพิลลลาร์เพิ่มขึ้น 2.42% หุ้นแอปเปิลเพิ่มขึ้น 3.49% หุ้น Nvidia เพิ่มขึ้น 4.04% หุ้นควอลควอมเพิ่มขึ้น 1.51%
หุ้นฟอร์ด มอเตอร์เพิ่มขึ้น 2.02% หุ้นเจนเนอรัล มอเตอร์เพิ่มขึ้น 1.32%
หุ้นกลุ่มพลังงานเพิ่มขึ้นจากรายงานข่าวว่าประธานาธิบดีปูตินของรัสเซียและกลุ่มประเทศ OPEC บรรลุข้อตกลงที่จะทำให้ราคาน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น โดยหุ้นเดวอนเอ็นเนอร์จี้เพิ่มขึ้น 6.44% หุ้นมาราธอนออยล์เพิ่มขึ้น 5.15% หุ้นอาปาเชคอร์ปเพิ่มขึ้น 3.87%
ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 2,90.37 จุด เพิ่มขึ้น 30.20 จุด,+1.09%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,441.51 จุด เพิ่มขึ้น 110.98 จุด, +1.51%
สถาบันจัดการด้านอุปทาน(ISM) เปิดเผยดัชนีภาคการผลิตเดือนพฤศจิกายนเพิ่มขึ้นมาที่ 59.3 จาก 57.7 ในเดือนตุลาคมและสูงกว่า 57.8 ที่นักวิเคราะห์คาด
ไอเอชเอสมาร์กิตเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อเดือนพฤศจิกายนลดลงมาที่ 55.3 ต่ำสุดในรอบ 3 เดือนจาก 55.7 ในเดือนตุลาคม และต่ำกว่า 55.4 ที่นักวิเคราะห์คาด
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผย การใช้จ่ายด้านการก่อสร้างเดือนตุลาคมลดลง 0.1% ซึ่งลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3
ตลาดหุ้นสหรัฐจะปิดทำการในวันพุธที่ 5 ธันวาคม 2561 เพื่อไว้อาลัยแก่นายจอร์จ เอช. ดับเบิ้ลยู. บุช ประธานาธิบดีคนที่ 41 ที่ถึงแก่อสัญกรรมในวันที่ 30 พฤศจิกายน
ทางด้านตลาดยุโรปปิดบวก ด้วยแรงซื้อในหุ้นกลุ่มธนาคาร เหมืองแร่และยานยนต์ และสินค้าไฮเอนด์ เพราะนักลงทุนขานรับข่าวสหรัฐและจีนบรรลุข้อตกลงในการแก้ไขความขัดแย้งทางการค้าในสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
หุ้น BMW เพิ่มขึ้น 4.78% หุ้นแดมเลอร์ไคร์สเลอร์เพิ่มขึ้น 4.54% หุ้นโฟล์คสวาเกนเพิ่มขึ้น 2.87%
หุ้นริโอ ตินโตเพิ่มขึ้น 2.27%
หุ้นโรยัลดัทช์เชลล์เพิ่มขึ้น 2.38% หุ้นบีพีเพิ่มขึ้น 2.08% หุ้นโทเทลเพิ่มขึ้น 1.32%
หุ้นสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดแบงก์เพิ่มขึ้น 3.2% จากรายงานข่าวของบลูมเบิร์กว่า ธนาคารจะลดจำนวนพนักงานในดูไบและตลาดสำคัญๆ เช่น สิงคโปร์ลง เพื่อควบคุมค่าใช้จ่าย
ไอเอชเอสมาร์กิตเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อเดือนพฤศจิกายนลดลงมาที่ 51.8 จาก 52 ในเดือนตุลาคม
หุ้นดอยช์ทแบงก์ยังลดลง 3.11% จากรายงานข่าวว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ยุติการตรวจค้นสำนักงานใหญ่ที่แฟรงค์เฟิรต์ เพราะธนาคารอาจจะกระทำผิดกฎหมายฟอกเงิน
ดัชนี FTSE 100 ปิดที่ 7,062.41 จุด เพิ่มขึ้น 82.17 จุด,+1.28%
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 361.18 จุด เพิ่มขึ้น 3.69 จุด,+1.03%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,053.98 จุด เพิ่มขึ้น 50.06 จุด,+1.00%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 11,465.46 จุด เพิ่มขึ้น 208.22 จุด, +1.85%
ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนมกราคมเพิ่มขึ้น 2.02 ดอลลาร์หรือ 3.97% ปิดที่ 52.95 ดอลลาร์ ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์เพิ่มขึ้น 2.23 ดอลลาร์หรือ 3.75% ปิดที่ 61.69 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
