บล.ทรีนีตี้ มองหุ้นเดือนธ.ค.แกว่ง 1,600 – 1,700 จุด ได้ 3 ปัจจัยบวก กดดันตตลาด “การค้าจีน-สหรัฐ คลี่คลาย- บอนด์ยีลสหรัฐ ทรงตัวระดับต่ำ – น้ำมันดิบฟื้น” แนะเลือกหุ้นค้าปลีก ยานยนต์ พลังงาน แบงก์รายตัว
นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยเดือนธันวาคม แกว่งตัว Sideways โดยมีแนวรับสำคัญ 1,600 จุด และแนวต้าน 1,700 จุด ประเมินระดับดัชนีที่เหมาะสมในแง่ของ Valuation อยู่ที่ 1640-1650 จุด ซึ่งเป็นระดับเทียบเท่า Forward PE 14 เท่า
นายณัฐชาต มอง 3 ปัจจัยบวกสำคัญสนับสนุนการขึ้นของตลาดคือ 1. สหรัฐเลื่อนขึ้นภาษีนำเข้าจากจึน ออกไป 90 วัน พร้อมทั้งจีนรับปากสั่งซื้อสินค้าจากสหรัฐฯ 2. บอนด์ยีล สหรัฐ ทรงตัวระดับต่ำ และ3.ราคาน้ำมันดิบ เริ่มฟื้นตัวขึ้น จากการส่งสัญญาณ ลดกำลังการผลิตของกลุ่ม OPEC และ Non-OPEC
สำหรับปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตามใกล้ชิด คือ การปรับลดประมาณการกำไรบริษัทจดทะเบียน , ภาคการผลิตทั่วโลก (Global PMI) ชะลอตัวต่อเนื่องและอยู่ในระดับต่ำสุดในรอบ 2 ปี และ ความเสี่ยงในยุโรป เช่น ปัญหาร่างงบประมาณฉบับใหม่ ของอิตาลี
นายณัฐชาตแนะกลยุทธ์ การลงทุนในเดือนธ.ค.ว่า แนะนำนักลงทุนที่แบ่งขายทำกำไรไปแล้วบริเวณดัชนี 1640-1650 จุด ถือหุ้นในส่วนที่เหลือต่อ และรอขายทำกำไร หากดัชนีปรับขึ้นไปยังบริเวณกรอบแนวต้านด้านบนที่ 1,700 จุด
กลุ่มหุ้นที่น่าสนใจลงทุนประจำเดือนธันวาคมได้แก่ 1.กลุ่มค้าปลีก เช่น ROBINS 2.กลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์ แนะนำหุ้น SAT ที่ราคาปรับตัวลงมาแรงมาก 3.กลุ่มพลังงาน เลือก PTTEP เนื่องจากประเมินว่าราคาน้ำมันที่ระดับปัจจุบันมี Upside มากกว่า Downside แล้ว และ 4.กลุ่มธนาคารพาณิชย์ เช่น BBL, KTB หาก กนง. มีการปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 19 ธ.ค.นี้ ซึ่งดูเหมือนจะมีโอกาสมากขึ้น
เลี่ยงการลงทุนกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว อาทิ สนามบิน สายการบิน โรงแรม รวมถึงบริษัทที่ขายสินค้าและบริการที่พึ่งพิงนักท่องเที่ยวชาวจีนที่ยังคงหดตัวต่อเนื่อง 2.กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งได้รับผลกระทบจากปัจจัยสงครามการค้าและวัฏจักรอิเล็กทรอนิกส์ที่ชะลอตัวลง 3.กลุ่มที่อยู่อาศัย เนื่องจากมีความเสี่ยงมากขึ้นที่ กนง. จะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 19 ธันวาคมนี้