JMART รักษาเรทติ้ง BBB ทริสชี้กลุ่มเน้นชำระหนี้ ไม่ลุยลงทุน

HoonSmart.com>>”เจมาร์ท กรุ๊ป โฮลดิ้งส์”(JMART) รักษาเรทติ้งที่ “BBB”แนวโน้ม คงที่ สำหรับการออกและเสนอขายหุ้นกู้ 1,500 ล้านบาท ทริสฯให้เหตุผล กลุ่มเน้นชำระหนี้ ไม่ลุยลงทุนในปี 68 

บริษัททริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดใหม่ในวงเงินไม่เกิน 1,500 ล้านบาท ไถ่ถอนภายใน 3 ปี ของ บริษัท เจมาร์ท กรุ๊ป โฮลดิ้งส์  (JMART) ที่ระดับ “BBB” โดยบริษัทจะนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ชุดใหม่ไปชำระคืนหนี้  ส่วนองค์กรของ JMART อยู่ที่ระดับ “BBB+” และหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน และมีหลักประกันชุดปัจจุบันที่ระดับ “BBB” โดยแนวโน้มอันดับเครดิตยังคงอยู่ที่  “คงที่”

อันดับเครดิตของหุ้นกู้ของบริษัทถูกปรับลดลงจากอันดับเครดิตองค์กร เนื่องจากความด้อยสิทธิกว่าในเชิงโครงสร้างของภาระหนี้เงินกู้ยืมไม่ด้อยสิทธิ เมื่อเทียบกับสิทธิเรียกร้องในการชำระคืนหนี้จากสินทรัพย์ดำเนินงานของบริษัทย่อยในกลุ่ม ณ เดือนมี.ค. 2568 บริษัทมีอัตราส่วนหนี้ที่มีลำดับในการได้รับชำระคืนก่อนต่อหนี้สินรวมอยู่ที่ 63% ซึ่งบ่งชี้ว่าเจ้าหนี้ของบริษัทอยู่ในสถานะเสียเปรียบอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับเจ้าหนี้ที่มีลำดับในการได้รับชำระคืนก่อนจากการเรียกร้องต่อสินทรัพย์ดำเนินงานของบริษัท

อันดับเครดิตองค์กรยังคงสะท้อนถึงสถานะทางธุรกิจในระดับปานกลางของ JMART ซึ่งมีรายได้หลักจากบริษัทในกลุ่ม 3 แห่ง ได้แก่ บริษัท เจเอ็มที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส  (JMT) อันดับเครดิต “BBB+/Stable”) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยหลักที่ดำเนินธุรกิจบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ บริษัท เจมาร์ท โมบาย (JMB) ซึ่งประกอบธุรกิจจัดจำหน่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ และ บริษัท เจเอเอส แอสเซ็ท  (J-Asset) ซึ่งดำเนินธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์

ในไตรมาสแรกของปี 2568 EBITDA ที่ปรับปรุงแล้วของบริษัทลดลง 15% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว มาอยู่ที่ 1.2 พันล้านบาท สาเหตุหลักมาจากผลกระทบของการจัดเก็บเงินสดที่ลดลงของ JMT อัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อ EBITDA ที่ปรับปรุงแล้ว  เพิ่มขึ้นเล็กน้อยเป็น 3.9 เท่า ณ สิ้นมีนาคม 2568 จาก 3.8 เท่า ณ สิ้นปี 2567 ทริสฯคาดว่าหนี้สินที่ปรับปรุงแล้วทั้งหมด จะลดลงตลอดปี 2568 โดยได้รับแรงสนับสนุนจากแนวทางที่ระมัดระวังของบริษัทในการซื้อหนี้ใหม่ ซึ่งจะช่วยรักษาอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินสุทธิต่อ EBITDA ให้อยู่ต่ำกว่า 4 เท่าในปี 2568 อย่างไรก็ตาม การปรับลดลงของ EBITDA อย่างต่อเนื่องหรือความล่าช้าในการลดหนี้อาจส่งผลกดดันต่ออันดับเครดิตได้

การฟื้นตัวของ JMT ยังคงเป็นปัจจัยสำคัญต่อการการปรับตัวดีขึ้นของ EBITDA และอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนของกลุ่ม JMART อย่างไรก็ตาม ความเร็วในการฟื้นตัวอาจถูกจำกัดจากภาวะเศรษฐกิจที่ยังคงอ่อนแอ ขณะเดียวกัน ทริสฯคาดว่าธุรกิจหลักอื่น ๆ ของกลุ่ม เช่น ธุรกิจจัดจำหน่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่และธุรกิจบริหารคอมมูนิตี้มอลล์ จะมีแนวโน้มการเติบโตที่จำกัดภายใต้สภาพแวดล้อมเศรษฐกิจมหภาคในปัจจุบัน

ทริสฯคาดว่าสถานะเงินทุนและสภาพคล่องของกลุ่ม JMART จะยังสามารถบริหารจัดการได้ในช่วง 12 เดือนข้างหน้า โดยวงเงินที่มีผลผูกพันที่ได้รับจากทางสถาบันการเงิน (Committed Credit Line) เพื่อใช้ในการรีไฟแนนซ์หุ้นกู้ที่ครบกำหนดในปี 2568 ถือเป็นปัจจัยสนับสนุนสำคัญ ในมุมมองของทริสเรทติ้ง นโยบายของกลุ่มที่ให้ความสำคัญกับการชำระหนี้มากกว่าการขยายการลงทุนในปี 2568 สะท้อนถึงแนวทางที่ระมัดระวังในการรักษาเสถียรภาพทางการเงินท่ามกลางสภาวะตลาดที่ท้าทาย

แนวโน้มอันดับเครดิต  “คงที่” สะท้อนถึงความคาดหวังของทริสฯว่ากลุ่มบริษัทจะปรับแผนการลงทุนในช่วงสองปีข้างหน้าให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ในขณะเดียวกันก็เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานอย่างค่อยเป็นค่อยไป และรักษาภาระหนี้สินทางการเงินให้อยู่ในระดับปัจจุบัน

ส่วนโอกาสในการปรับเพิ่มอันดับเครดิตค่อนข้างจำกัดในระยะสั้น อย่างไรก็ตาม ในระยะยาว แนวโน้มอันดับเครดิต/อันดับเครดิตอาจถูกปรับเพิ่มขึ้นหากมีการปรับปรุงสถานะความเสี่ยงทางธุรกิจของบริษัทอย่างมีนัยสำคัญจากการเพิ่มความสามารถในการทำกำไรของบริษัทย่อยต่าง ๆ ในขณะที่ภาระหนี้สินทางการเงินได้รับการบริหารจัดการให้อยู่ในระดับที่ยอมรับได้