3 โบรกฯฟันธง ! หุ้นไทยไตรมาส 3 ผันผวน แนะ 15 หุ้นเด่นหลบความเสี่ยง

HoonSmart.com>> 3 โบรกเกอร์คาดหุ้นไทยไตรมาส 3 ผันผวน จากความไม่แน่นอนการเมืองในประเทศ และเจรจาการค้าสหรัฐฯ-ไทย หากเลวร้ายดัชนีฯมีโอกาสหลุด 1,000 ขณะที่ด้านบน 1,180 จุด กลยุทธ์เล่นหุ้นปันผล พื้นฐานดี Valuation ถูก เชียร์ BBL, KTB, TTB, ADVANC, CPN, BDMS, PTT, SIRI, BAM, PRM, FM, GULF, TFG, AP, CPALL ปิดไตรมาส 2  ดัชนี SET หดตัว 5.92% จากไตรมาสแรก

ดัชนี SET ปิดวันที่ 30 มิ.ย. 2568 ที่ 1,089.56 จุด ลดลง 59.62 จุด หรือ -5.19% จากเดือนพ.ค.ที่ปิด 1,149.18 จุด และลดลง 68.53 จุด หรือ -5.92% จากไตรมาส 1/2568 ดัชนีฯปิด 1,158.09 จุด

โดยเดือนมิ.ย. 2568 นักลงทุนสถาบันขายสุทธิ 12,163.98 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ขายสุทธิ 1,110.28 ล้านบาท นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 7,953.89 ล้านบาท ส่วนนักลงทุนในประเทศซื้อสุทธิ 21,228.15 ล้านบาท

นับตั้งแต่ 1 ม.ค.-30 มิ.ย. 2568 นักลงทุนสถาบันขายสุทธิ 17,264.65 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ขายสุทธิ 12,513.43 ล้านบาท นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 78,692.76 ล้านบาท ส่วนนักลงทุนในประเทศซื้อสุทธิ 108,470.84 ล้านบาท

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล, CISA ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ทิศทางตลาดหุ้นไทยไตรมาส 3 มีโอกาสที่จะผันผวนตามปัจจัยในและนอกประเทศ โดยในประเทศเป็นเรื่องการเมืองที่มีความเปราะบางในเสถียรภาพรัฐบาล และยังมีคดีความต่าง ๆ ที่ยังต้องติดตามด้วย

ส่วนปัจจัยนอกประเทศ เศรษฐกิจสหรัฐฯอยู่ในสภาวะชะลอตัว แต่เงินเฟ้อสูง ประกอบกับหุ้นสหรัฐฯเสี่ยงปรับฐาน และยังต้องขึ้นอยู่กับการเจรจาการค้าอีกด้วย ซึ่งต้นเดือนก.ค.จะครบกำหนด 90 วันของการผ่อนคลายการใช้มาตรการภาษีของสหรัฐฯ ซึ่งก็คาดว่าสหรัฐฯคงจะขยายเวลาออกไป แต่ก็ยังไม่รู้ว่าไทยจะได้ขยายหรือเปล่า ทำให้ยังมีความไม่แน่นอนการเจรจาการค้า และจากความไม่แน่นอนภาษีของ”ทรัมป์”ทำให้การค้า การลงทุน การท่องเที่ยว ยังคงอยู่ในทิศทางชะลอตัวลง

ทั้งนี้ กรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีฯในไตรมาส 3 มองแนวรับแรกที่จุดต่ำสุดเดิม 1,055 จุด ซึ่งได้ทดสอบไปแล้ว 2 ครั้งแต่ก็สามารถเด้งขึ้นมาได้ แต่หากหลุดก็จะมีโอกาสลงไปทดสอบ 1,000-1,020 จุด ซึ่งก็ยังมีโอกาสทำจุดต่ำสุด (Low) ใหม่ได้ ส่วนแนวต้านให้ไว้ที่ 1,120-1,160 จุด

กลยุทธ์การลงทุนให้ลงทุนเน้นหุ้นปันผล และราคาหุ้นได้ปรับตัวลงไปมากแล้ว ทำให้ Downside จำกัด รวมถึงทนต่อความไม่แน่นอนของปัจจัยใน และนอกประเทศ โดยแนะนำหุ้น KTB, TTB, ADVANC, CPN, BDMS, PTT, SIRI, BAM, PRM, FM

นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ เปิดเผยถึงทิศทางตลาดหุ้นเดือนกรกฎาคมว่า จะขึ้นอยู่กับพัฒนาการของ 2 ปัจจัยหลัก ได้แก่ 1) ทิศทางของสงครามการค้า เนื่องจากในวันที่ 9 ก.ค.นี้ จะครบกำหนด 90 วันที่สหรัฐฯมีการระงับการเก็บภาษีตอบโต้ (Reciprocal tariff) แล้ว ซึ่งถ้าหากเส้นตายนี้ถูกเลื่อนออกไป มองว่า Sentiment การทั่วโลกน่าจะยังคงถูกประคับประคองต่อไปได้ และ 2) ทิศทางของปัจจัยการเมืองในประเทศ ซึ่งมีหลายประเด็นที่รออยู่เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น การเดินหน้าพิจารณาของสภาฯต่อพ.ร.บ. Entertainment Complex, ความคืบหน้าคดีฮั้วสว. คดีของคุณทักษิณชั้น 14 และความสัมพันธ์ระหว่างไทยและกัมพูชา เป็นต้น

พร้อมประเมินกรอบการแกว่งตัวของ SET Index ไตรมาส 3 จะอยู่ที่ 1,050-1,180 จุด ในกรณีอนุรักษ์นิยม แต่หากสถานการณ์การเมืองเลวร้ายมากขึ้นจนนำมาสู่ความเสี่ยงที่การพิจารณาพ.ร.บ.งบประมาณปี 2569 จะถูกเลื่อนออกไปจาก Timeline เดิม ประเมินว่าแนวรับดัชนี SET จะถูกกดต่ำลงไปอยู่บริเวณแถว 1,000 จุดได้ ในเชิงกลยุทธ์ แนะถือครองหุ้นในกลุ่ม Domestic defensive ต่อไป ซึ่งได้แก่ กลุ่มสื่อสาร (ADVANC), โรงพยาบาล (BDMS), ค้าปลีกจำเป็น (CPALL) และโรงไฟฟ้า (GULF) เป็นต้น ส่วนกลุ่มพวก Global play เช่น Oil & Gas, Petrochemical และกลุ่มส่งออกอย่างเช่น Electronics, Food มองว่าจะผันแปรไปตามทิศทางการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯกับประเทศต่างๆในเดือนนี้

นายณัฐชาต กล่าวว่า ศาลฯรับคำร้องและสั่งให้นายกฯหยุดปฏิบัติหน้าที่ ทางฝั่งรองนายกฯขึ้นมาดำรงตำแหน่งรักษาการแทนได้ สามารถทำงานบริหารแทนได้ต่อไป ส่วนประเด็นการจัดตั้งครม.ล่าสุด ก็มีคำสั่งโปรดเกล้าฯแต่งตั้งเรียบร้อยแล้วด้วยเช่นกัน ซึ่งก็น่าจะช่วยลดทอนความกังวลใจด้านเสถียรภาพทางการเมืองไปได้บ้าง

น.ส.ชุติกาญจน์ สันติเมธวิรุฬ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) กล่าวว่า หุ้นไทยในไตรมาส 3 มีโอกาสที่จะปรับตัวลงก่อนที่จะเด้งขึ้นในไตรมาส 4 ในช่วงรอดูความชัดเจนปัจจัยการเมืองในประเทศ และมาตรการภาษีของ”ทรัมป์” หากทั้งสองปัจจัยมีความชัดเจนในไตรมาส 3 ก็จะได้เห็นการรีบาวด์ของดัชนีฯในปลายไตรมาส 3 ไปถึงไตรมาส 4 และมีโอกาสที่จะขยับขึ้นไปที่ 1,230 จุด ซึ่งเป็นเป้าหมายของปี 2568 คิด EPS ที่ 85 บาท

อย่างไรก็ดี มองเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งหลังปี 2568 อ่อนแอกว่าครึ่งปีแรก จากการส่งออกที่ชะลอตัวลง เพราะครึ่งปีแรกได้เร่งส่งออกไปแล้ว และการบริโภค การลงทุน ก็ชะลอตัวกดดันอยู่ ส่งผลให้กำไรในครึ่งหลังปี 2568 มีโอกาสปรับตัวลงจากครึ่งปีแรก จากภาพรวมเศรษฐกิจที่แย่ลงในไตรมาส 3 คนระมัดระวังการใช้จ่าย

นอกจากนี้ไตรมาส 3 ยังมีการพิจารณางบประมาณปี 2569 วาระ 2-3 ซึ่งถ้าผ่านได้ก็จะช่วยหนุนตลาดไปต่อ ส่วนการเมือง ถ้ารัฐบาลยังผลักดันโครงการไปได้ ตลาดก็ยังประคองตัวไปได้ รวมถึงต้องรอดูคณะรัฐมนตรี (ครม.)จะยังไง โดยไตรมาส 3 มองด้านบนไว้ที่ 1,150-1,180 จุด ส่วนด้านล่างมองไว้ที่ 1,055 หากหลุดก็จะมีแนวถัดไป 1,025-1,000 จุด กรณีเลวร้าย ถ้าการชุมนุมยืดเยื้อไปจนถึงขั้นรัฐประหาร ดัชนีฯก็มีโอกาสหลุด 1,000 จุด

พร้อมให้เลือกลงทุนหุ้นพื้นฐาน และ Valuation ถูก แนะนำ 1. หุ้น BBL ราคาเป้าหมาย 169 บาท เป็นหุ้นที่มีการตั้งสำรองฯสูง และเน้นสินเชื่อ Corporate ถือว่าปลอดภัยกว่ารายย่อย, 2. ADVANC ราคาเป้าหมาย 336 บาท ผลงานไตรมาส 2/2568 คาดเติบโต YoY, 3. GULF ราคาเป้าหมาย 60 บาท ไตรมาส 3 ยังมี COD งานเพิ่ม และยังมีธุรกิจ Data Center หนุนอีก, 4. TFG ราคาเป้าหมาย 6.25 บาท ราคาหมู-ไก่ อยู่ในระดับสูง ขณะที่ต้นทุนอาหารสัตว์เสี้ยงปรับตัวลง ทั้งยังมีการขยายร้านค้าปลีกเพิ่มอีก และ 5. AP ราคาเป้าหมาย 8.30 บาท ให้ปันผลดีกว่า 7% และผลงานไตรมาส 2/2568 ดีกว่าตัวอื่น