BBLซื้อ ‘เพอร์มาตา’ ได้ผลเกินคาดหลายมิติ รอรับกำไร 1 หมื่นลบ./ปี ไม่ไกลเกินฝัน

HoonSmart.com>>”permata” ในภาษาอินโดนีเซีย แปลว่า “อัญมณี” ตอนนี้อัญมณีล้ำค่าที่อยู่ในมือของธนาคารกรุงเทพ (BBL) ได้สร้างมูลค่าเพิ่มอย่างมหาศาล
 

 

เมื่อ 5 ปีก่อน ธนาคารกรุงเทพเข้าซื้อกิจการ ธนาคาร พีที เพอร์มาตา ทีบีเค (ธนาคารเพอร์มาตา) ประเทศอินโดนีเซีย มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่า “แพง” น่าจะได้ผลตอบแทนไม่คุ้มกับการทุ่มเงินลงทุนมากถึง 73,722 ล้านบาท สำหรับหุ้นที่ได้มาสัดส่วน 89.12% สร้างประวัติศาสตร์ของวงการธนาคารไทย ปัจจุบันมีคำตอบชัดเจนว่า”สุดคุ้ม” เป็นการตอกย้ำว่าธนาคารกรุงเทพมีวิสัยทัศน์กว้างไกลมาก แม้ว่าจะซื้อในราคาที่ไม่ถูก เพราะมีคู่แข่งร่วมประมูลจำนวนมาก แต่นับเป็นการตัดสินใจการลงทุนที่ถูกที่และถูกเวลา ได้ของดีจริงๆ ในช่วงปี 2563 เศรษฐกิจหดตัว -2.3% หลังจากนั้นพลิกฟื้นกลับมาบวก และสามารถขยายตัว 5%อย่างแข็งแกร่ง

ความร่วมมือของทั้งสองธนาคาร สร้างมูลค่าเพิ่มอย่างมากมาย และเป็นฐานธุรกิจที่มีนัยสำคัญ นับเป็นหนึ่งในกำลังหลักที่ช่วยให้ธนาคารกรุงเทพมีทรัพย์สินทั้งสิ้น 4.6 ล้านล้านบาท ใหญ่ติดอันดับ 6 ระดับภูมิภาคอาเซียน ผลการดำเนินงานก็มีการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดปี 2567 ทำกำไรสุทธิได้มากถึง 45,211ล้านบาท ประมาณ 6,400 ล้านบาท มาจากการรับรู้กำไรของธนาคารเพอร์มาตา ตามสัดส่วนการถือหุ้น 89.12%ของกำไรสุทธิ 7,200 ล้านบาท ได้รับผลตอบแทนที่คุ้มค่ามาก

ความสำเร็จของการลงทุนในเพอร์มาตา เกิดจากการผนึกทรัพยากร นวัตกรรมของธนาคารทั้งสองแห่ง ทำให้เกิดพลังอย่างมากมาย โดยมีเป้าหมายตรงกัน ภายใต้แนวคิด ” One Family one team Growth together” สร้างการเติบโตแบบก้าวกระโดด ผลงานเป็นที่พอใจอย่างยิ่งปัจจุบันมีมูลค่าทรัพย์สินใหญ่เป็นอันดับที่ 7 ของประเทศอินโดนีเซีย มีประมาณ 300 สาขา ขนาดห่างไกลมากจากตอนที่ธนาคารกรุงเทพ เข้าไปเทกโอเวอร์ หลังการควบรวมของธนาคาร 5 แห่ง และเปลี่ยนชื่อใหม่ งบการเงินสะอาด ไม่ต้องห่วงเรื่องปัญหา NPLs ขณะที่ธนาคารกรุงเทพมีสาขา 3 แห่งในอินโดนีเซีย จึงมีการควบรวม สาขาจาการ์ตา สาขาสุรายาบา และสาขาเมดาน เข้ากับธนาคารเพอร์มาตา เพื่อผสานจุดแข็งเข้าด้วยกัน ทั้งนี้ในปี 2567 ธนาคารเพอร์มาตา ได้ปรับเปลี่ยนมาใช้ตราสัญลักษณ์ “บัวหลวง” เพื่อสะท้อนความเป็นหนึ่งเดียวในมาตรฐานการบริการ

“ธนาคารเพอร์มาตามีความเหมาะสมกับธนาคารกรุงเทพ เพราะมีขนาดไม่ใหญ่มากนัก มีวัฒนธรรมองค์กรคล้ายกัน พนักงานและทีมผู้บริหารค่อนข้าง conservative (อนุรักษ์นิยม) มีการวางระบบและมีการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการดำเนินงานและการให้บริการแก่ลูกค้า เพื่อเพิ่มประสิทธิในทุกๆด้าน

 

ชาติศิริ โสภณพนิช

 

‘กรุงเทพ’ธนาคารแห่งแรกอาเซียนได้ใบอนุญาต เมื่อ 57 ปีก่อน

“ชาติศิริ โสภณพนิช” กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ กล่าวว่า ธนาคารกรุงเทพในฐานะ “ธนาคารชั้นนำระดับภูมิภาค” และธนาคารต่างชาติแห่งแรกของอาเซียนที่ได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจธนาคารในอินโดนีเซีย ตั้งแต่ปี 2511 หรือเมื่อ 57 ปีก่อน โดย”ชิน โสภณพนิช” ผู้ก่อตั้งธนาคารกรุงเทพ (คุณปู่ของ ชาติศิริ ) เนื่องจากเล็งเห็นศักยภาพทางเศรษฐกิจของอินโดนีเซียในระยะยาว

“ธนาคารกรุงเทพมีความผูกพันธ์กับประเทศอินโดนีเซียมาเนิ่นนาน “ชิน โสภณพนิช” ได้วางรากฐานที่แข็งแกร่ง สร้างความสัมพันธ์อันแนบแน่นกับนักธุรกิจ โดยเฉพาะในกลุ่ม commodities และคุณพ่อ(ชาตรี โสภณพนิช) ได้พาครอบครัวมาเที่ยวที่นี่ ตอนผมอายุเพียง 10 ขวบ ขณะนี้ธนาคารกรุงเทพได้ขยายฐานลูกค้าไปทั่วโลก กระจายไปหลายธุรกิจ  มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับลูกค้าไทยและอินโดนีเซีย รวมถึงนักลงทุนต่างประเทศด้วย”

2 ธนาคารผนึกกำลังส่งผลดีประเทศไทย-อินโดฯ

ธนาคารกรุงเทพผสานจุดแข็งเข้าด้วยกันกับธนาคารเพอร์มาตาเสริมศักยภาพบริการ มอบประสบการณ์ที่ดียิ่งขึ้นให้แก่ลูกค้า อีกทั้งยังเป็นช่องทางการจับคู่ทางธุรกิจที่มีประสิทธิภาพภายใต้การสนับสนุนด้านการเงินอย่างครบวงจร ซึ่งนอกจากจะช่วยให้ธนาคารทั้งสองเติบโตอย่างแข็งแกร่งแล้ว ยังเป็นการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างไทยและอินโดนีเซียให้แน่นแฟ้นมากขึ้นด้วย  สร้างประโยชน์ให้ประเทศไทยในระยะยาว

นอกจากนี้จากการเข้าร่วมเป็นสมาชิกกลุ่ม BRICS อย่างเต็มรูปแบบของอินโดนีเซียในปีนี้ ทำให้อินโดนีเซียเป็นประเทศที่น่าสนใจสำหรับนักธุรกิจที่ต้องการลดความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ และความผันผวนของเศรษฐกิจโลก ธนาคารกรุงเทพจึงได้สนับสนุนธนาคารเพอร์มาตาจัดตั้งหน่วยงานบริการที่ชื่อว่า ฝ่ายพัฒนาและที่ปรึกษาธุรกิจระหว่างประเทศ เพื่อเป็นศูนย์การรองรับทั้งลูกค้าในเครือข่ายของธนาคารกรุงเทพ ในกลุ่มอาเซียน จีน ฮ่องกง ไต้หวัน ญี่ปุ่น สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา ที่ต้องการเข้ามาลงทุนในอินโดนีเซีย และลูกค้าในอินโดนีเซียที่ต้องการไปลงทุนประเทศอื่นในภูมิภาค โดยช่วยเสริมสร้างศักยภาพในการพัฒนาธุรกิจระหว่างประเทศ จัดหาเงินทุนสำหรับโครงการและพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการเงิน

“หน่วยงานบริการนี้เป็นการประสานจุดแข็งด้านเครือข่ายของธนาคารกรุงเทพในระดับภูมิภาคเข้ากับความเชี่ยวชาญในตลาดท้องถิ่นของธนาคารเพอร์มาตา เพื่อสนับสนุนยุทธศาสตร์การเชื่อมโยงอาเซียน (Connecting ASEAN) ของธนาคารกรุงเทพ ที่เป็นเหมือน ‘เพื่อนคู่คิด มิตรคู่บ้าน’ ทางการเงินที่นักลงทุนให้ความไว้วางใจ ทั้งการลงทุนในกลุ่มโครงการโครงสร้างพื้นฐานและอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ รวมทั้งผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่สอดคล้องกับหลัก ESG ตามการผลักดันของรัฐบาลอินโดนีเซีย ซึ่งธนาคารกรุงเทพในฐานะผู้นำด้านการเงินสีเขียวพร้อมที่จะสนับสนุนทุกการเปลี่ยนผ่านอย่างยั่งยืน” นายชาติศิริ กล่าว

ทั้งนี้ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2567 การลงทุนของไทยในอินโดนีเซียมีมูลค่าสูงถึง 225 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และในช่วงปี 2560-2565 นักลงทุนไทยมีการลงทุนรวม 1.52 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในกว่า 1,400 โครงการทั่วประเทศอินโดนีเซีย โดยอินโดนีเซียนับเป็นคู่ค้าที่มีความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์ของไทย ซึ่งในปีที่ผ่านมาไทยส่งออกสินค้าไปยังอินโดนีเซียมูลค่า 10.25 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขณะที่ไทยเป็นจุดหมายส่งออกใหญ่อันดับ 4 ของอินโดนีเซีย โดยมีมูลค่าส่งออกถึง 7.22 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

‘ชาติศิริ’ยันเป้าสินเชื่อปีนี้โต 3-4%

“ชาติศิริ”ยังคงมั่นใจถึงเป้าหมายการเติบโตของสินเชื่อปีนี้ที่ 3-4% รายได้ก็จะเติบโตใกล้เคียงกัน เนื่องจากการขยายสาขา ฐานธุรกิจไปทั่วโลก โดยเฉพาะที่เพอร์มาตา ที่มีโอกาสทางธุรกิจเกิดขึ้นมากมาย พร้อมเป็นศูนย์กลางเชิญชวนให้นักธุรกิจอินโดนีเซียออกไปลงทุนยังต่างประเทศ และเพิ่มนักธุรกิจไทยและต่างประเทศเข้ามาลงทุนในอินโดนีเซีย ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศไทยและภูมิภาคเพอร์มาตา

ทั้งนี้ธนาคารเพอร์มาตาตั้งเป้าสินเชื่อขยายตัว 8-10% (ณ พ.ค.โต 8.43%)

เมลิสา รุสลิ

เห็นโอกาสโต รับนโยบายรัฐบาลอินโดฯ

“เมลิสา รุสลิ” กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพอร์มาตา กล่าวว่า ประเทศอินโดนีเซียเป็นประเทศที่มีศักยภาพสูง พร้อมด้วยทรัพยากรและแรงงาน ปัจจุบันรัฐบาลได้ดำเนินงานภายใต้ยุทธศาสตร์ “Golden Indonesia” ที่เน้นขับเคลื่อนโครงการเศรษฐกิจสีเขียว การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ และโครงการด้านเทคโนโลยีดิจิทัล มุ่งสู่การเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 4 ของโลกภายในปี 2588 จากยุทธศาสตร์นี้ ธนาคารเพอร์มาตา ได้เล็งเห็นโอกาสสำคัญและผลักดันลูกค้าและพันธมิตรในภูมิภาคเพื่อคว้าโอกาสต่างๆที่จะเกิดขึ้น ผ่านบริการและผลิตภัณฑ์ทางการเงินอย่างครบวงจร สำหรับกลุ่มลูกค้าบุคคลและกลุ่มลูกค้าธุรกิจ โดยมีทั้งบริการการเงินทั่วไปและระบบการเงินอิสลาม (Sharia)

“นโยบายของรัฐบาลอินโดนีเซียในขณะนี้ สอดคล้องกับการดำเนินงานของธนาคารเพอร์มาตา ภายใต้การสนับสนุนของธนาคารกรุงเทพ เพื่ออำนวยความสะดวกลูกค้าในหลายด้าน เช่น บริการ Asia Same Day Payment ซึ่งให้บริการโอนเงินแก่ลูกค้านำเข้าและส่งออกได้ภายในวันเดียวแบบเรียลไทม์ระหว่างไทยกับอินโดนีเซียผ่านคิวอาร์โค้ด รวมทั้งเร่งผลักดันลูกค้าเปลี่ยนผ่านไปสู่ธุรกิจสีเขียว โดยสนับสนุนสินเชื่อต่างๆ พร้อมทั้งดูแลและให้คำปรึกษาอย่างใกล้ชิด ด้วยความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาบริการและผลิตภัณฑ์เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้ครบทุกมิติ” นางเมลิสา กล่าว

‘อินโดนีเซีย’ประเทศที่ไม่ธรรมดา

“โจชัว พาร์เดเด” หัวหน้าฝ่ายวิจัยเศรษฐกิจ ธนาคารเพอร์มาตาวิเคราะห์ว่า ประเทศอินโดนีเซียมีการเติบโตได้อีกมากในระยะยาว ด้วยจุดแข็งด้านเศรษฐกิจเติบโตสูง 5% ต่อปี  อัตราเงินเฟ้อดี คาดปีนี้ GDP ขยายตัว 4.5-5.0% เป้าเงินเฟ้อที่ 2.0-2.5% ส่วนอัตราดอกเบี้ยนโยบายอยู่ที่ 5.25% คาดจะลดลงเหลือ 5.00% ในปีหน้า จากปีก่อนอยู่ที่ 6.00% โดยไตรมาสแรกปีนี้เติบโต 5.6%

ขณะที่มีจำนวนประชากรมากถึง 280 ล้านคน จุดเด่นที่ยากจะมีประเทศใดลอกเลียนแบบได้ คือมีคนหนุ่ม-สาววัยทำงาน สัดส่วน 68% ของประชากรทั้งหมด คาดปี 2568 จะลดเหลือ 65% มีทรัพยากร และรัฐบาลมีนโยบายลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน รองรับการเติบโตนานนับ 10-20 ปี เป้าหมายเพิ่มผู้มีรายได้ปานกลาง 80% ดึงดูดเม็ดเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศเพิ่มขึ้น จากปัจจุบันสูงมากเป็นอันดับสองในอาเซียน หลักๆมาจากลงทุนเหมือง อุตสาหกรรมกระดาษ  สตาร์ทอัพ  นอกจากนี้อินโดนีเซียยังเก่งเรื่อง “สตาร์ทอัพ” จึงเป็นโอกาสให้นักธุรกิจไทยและต่างประเทศให้ความสนใจเข้าลงทุนในอินโดนีเซีย

ขณะเดียวกันธุรกิจของอินโดนีเซีย ที่สร้างการเติบโตจากการทำธุรกิจในประเทศ มีความแข็งแกร่ง พร้อมที่จะออกไปลงทุนต่างประเทศ สนใจประเทศไทยและเวียดนาม

‘เพอร์มาตา’กำไร 7,200 ล้านบาท เป้า 10,000 ล้านบาทเป็นไปได้ 

“กอบศักดิ์ ภูตระกูล” กรรมการรองผู้จัดการใหญ่และเลขานุการบริษัท ธนาคารกรุงเทพกล่าวว่า ในปี 2567 ธนาคารเพอร์มาตา มีกำไรสุทธิ 7,200 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 38% จากปี 2566 อนาคตกำไร 10,000 ล้านบาทเป็นไปได้ เพราะขณะนี้ยังเล็กอยู่ จากสินเชื่อเติบโต 9% ปัจจุบันพอร์ตสินเชื่อมีสัดส่วน 12-13% ของธนาคารกรุงเทพทั้งหมด  โดยตั้งแต่การเข้าซื้อกิจการในปี 2563 สัดส่วนสินเชื่อในต่างประเทศต่อสินเชื่อรวมของธนาคารกรุงเทพเพิ่มขึ้นจาก 17% เป็น 25% สิ้นปี 2567

ปัจจุบันธนาคารเพอร์มาตาติดอันดับ 7 ของธนาคารที่มีสินทรัพย์รวมใหญ่ที่สุดในอินโดนีเซีย มีเครือข่ายสาขาให้บริการ 240 สาขา กระจายอยู่ใน 82 เมืองสำคัญทั่วประเทศ เพื่อรองรับการให้บริการลูกค้ากว่า 6.2 ล้านราย (ณ 31 มี.ค.68)

การเติบโตในอนาคตจะทำให้ธนาคารกรุงเทพมี 2 ขา แม้ในประเทศไทยจะไม่เติบโต แต่มองภาพรวมของธนาคารกรุงเทพจะมีการขยายสินเชื่อ หลังจากออกไปลงทุนในเพอร์มาตา นับเป็นครั้งแรกที่ออกไปทำธุรกิจรายย่อยนอกประเทศไทยและยังสามารถระดมเงินฝากที่มีต้นทุนต่ำได้อีกด้วย นอกจากนี้ทีมบริหารส่งตัวแทนเข้ามาเป็นกรรมการและผู้บริหาร มีการถ่ายทอดความรู้เพื่อให้บริการแบบครบวงจร ธนาคารกรุงเทพขายประกัน กองทุนรวม ธนาคารเพอร์มาตาก็ขายด้วย เพื่อเพิ่มกำไร

” เพอร์มาตา เป็นธนาคารที่ซื้อได้ ราคาไม่ถูก แต่ก็คุ้มมาก จากผลงาน 4-5 ปีที่ผ่านมา อยากให้เมืองไทย เป็น region championหรือแชมป์ภูมิภาค ธนาคารกรุงเทพ กำลังทำอยู่ โดยเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่ธนาคารเพอร์มาตายังเข้าไม่ถึง เป้าหมายต่อไปคือ พาคนไทยเข้ามาลงทุนอินโดนีเซีย ซึ่งยังมีอะไรที่ดีอีกมาก ประธานาธิบดีมีการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งมอเตอร์เวย์ สนามบิน วางเป้าหมายประเทศระยะยาว  ขณะเดียวกันนำนักธุรกิจอินโดนีเซียออกไปลงทุนต่างประเทศ จากเดิมไม่อยากออกไป ข้างนอก พบปะนักธุรกิจไทย และอีกหลายประเทศ

“ปิรามิดอินโดนีเซียใหญ่กว่าไทย คนจนเยอะกว่า แต่คนรวยมีมากกว่าไทย ปัจจุบันนักธุรกิจไทยที่เข้าไปลงทุนในอินโดนีเซียมานานแล้ว เช่น กลุ่มพลังงาน บริษัทบ้านปู กลุ่มปตท. กลุ่ม ปูนซิเมนต์ไทย (SCG) ทั้งธุรกิจปูนซิเมนต์ แพกเกจจิ้งและปิโตรเคมี กลุ่มมิตรผล กลุ่มเซ็นทรัล คาดว่ายังมีธุรกิจอีกจำนวนมากที่สนใจออกไปลงทุนในอินโดนีเซียและภูมิภาคนี้”

‘เพอร์มาตา’แกร่งเกินคาด

“ไชยฤทธิ์ อนุชิตวรวงศ์” รองผู้จัดการใหญ่ กล่าวว่า ธนาคารกรุงเทพ  กล่าวว่า นอกจากธนาคารเพอร์มาตาจะมีการเติบโตที่ดีมากแล้ว ยังมีความแข็งแกร่ง โดยธนาคารกรุงเทพดำรงเงินกองทุนขั้นที่ 1 สัดส่วน 18% ขณะที่ธนาคารเพอร์มาตา มีเงินกองทุนขั้นที่ 1 สูงถึง 34% และยังมีการตั้งสำรองที่สูงมาก ทีมบริหารค่อนข้าง conservative เห็นได้จากสัดส่วนการปล่อยสินเชื่อต่อเงินฝากอยู่ที่ 82-83% ของธนาคารกรุงเทพอยู่ที่ 85% ต่ำกว่าเฉลี่ยของระบบธนาคารไทยที่ 90% โดยเพิ่มสินเชื่อธุรกิจมากขึ้นเป็น 60% จากเดิมมีสัดส่วน 50%  สินเชื่อ SME ลดลงจาก30% เหลือ 20% ส่วนสินเชื่ออุปโภคบริโภคยังคงสัดส่วนเท่าเดิม 20%

สำหรับธนาคารกรุงเทพยังมีความแข็งแกร่งจากการขยายฐานธุรกิจไป 13 ประเทศ 15 สาขาทั่วโลก นอกจากในภูมิภาคอาเซียน เช่นที่จีนและมาเลเซียแล้ว ยังมีสาขาที่ลอนดอน ประเทศอังกฤษ นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา

ความสำเร็จของการซื้อกิจการ”เพอร์มาตา” ทางธนาคารกรุงเทพ  โดยนายชาติศิริ นายกอบศักดิ์ และนายไชยฤทธิ์  ได้ถือโอกาสพาคณะสื่อมวลชมไปเยี่ยมชมสาขาบาหลีและสุมาตรา และได้มีโอกาสได้พูดคุยกับทีมผู้บริหารของธนาคารเพอร์มาตา ระหว่างวันที่ 27-30 มิ.ย.2568 ที่ผ่านมา  ทำให้มีความมั่นใจมากยิ่งขึ้นว่าธนาคารกรุงเทพมีโอกาสเติบโตอย่างมั่นคงในระยะยาว

ธนาคารกรุงเทพยังคงความเป็นผู้นำธนาคารระดับภูมิภาค จัดกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง นำลูกค้าไทยไปเยือนอินโดนีเซีย และนำลูกค้าอินโดนีเซียไปจีน ไทย มาเลเซีย เพื่อหาโอกาสสำคัญในการเติบโต โดยในวันพรุ่งนี้ (2 ก.ค.2568) เวลา 08.00-16.00 น. ณ ห้องนภาลัย บอลรูม โรงแรมดุสิตธานีมีการจัดเสวนา ‘Indonesia Investment & Trade Forum 2025’เวทีสำคัญที่จะเปิดประตูสู่โอกาสทางธุรกิจและการลงทุนใน ‘อินโดนีเซีย’ ตลาดศักยภาพสูงของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่กำลังเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ  นำพาลูกค้าเติบโตไปพร้อมๆกับธนาคารกรุงเทพและธนาคารเพอร์มาตาในระยะยาว