‘จีเอ็มเอ็ม มิวสิค’ โตแกร่งสวนศก.กำไรพุ่ง 47%ไตรมาส 1/68

HoonSmart.com>>จีเอ็มเอ็ม มิวสิค (GMM Music) แข็งแกร่งเกินคาด ไตรมาส1/68 โกยรายได้  1,073 ล้านบาท เติบโตเกือบ 20%  กำไรสุทธิ 155.39 ล้านบาท พุ่งขึ้น 46.84% สวนทางเศรษฐกิจ ย้ำธุรกิจเพลงแตกต่างจากธุรกิจสื่อ โตด้วยสภาวะตลาดที่มีศักยภาพ วางยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนผ่าน 4 กลุ่มธุรกิจหลัก เพิ่มศักยภาพด้านการผลิต ผนึกเชิงลึกกับพันธมิตรระดับโลกและระดับเอเชียอย่าง Tencent, TME, Warner Music ASIA , YG ,LDH สร้างสรรค์ผลงานและโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ

นายภาวิต จิตรกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท จีเอ็มเอ็ม มิวสิค (GMM Music ) กล่าวว่า แม้สภาพเศรษฐกิจจะเกิดความผันผวนอย่างหนัก หลายธุรกิจในอุตสาหกรรม Entertainment ถูก Disrupt และเกิดภาวะชะลอตัวทางรายได้ แต่ธุรกิจเพลงยังคงเป็นเซ็กเตอร์ในอุตสาหกรรมเอนเตอร์เทนเมนต์ที่แข็งแกร่ง เติบโตผ่านพ้นกระแส Disruption ด้วยความมั่นคง และปรับตัวเข้าสู่ Growth Stage ได้เป็นอย่างดี ทำให้บริษัทฯมีผลการดำเนินงานที่โดดเด่นในปี 2567 และไตรมาสแรกของปี 2568 เกิดจากความสำเร็จของกลยุทธ์ที่วางไว้อย่างครอบคลุมทั้งในระยะสั้น กลาง และยาว รวมถึงการบริหารจัดการด้วยความเชี่ยวชาญของทีมงานที่มีประสบการณ์ การบริหารจัดการต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ และการสร้างสรรค์ผลงานที่ตอบโจทย์ และปรับเปลี่ยนให้ทันกับตลาดและผู้บริโภคได้อย่างรวดเร็วทันเกม

ในปี 2567 GMM Music สร้างปรากฏการณ์ด้วยการสร้างรายได้รวมกว่า 4,056 ล้านบาท โดยมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปีแบบทบต้น (CAGR) ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (2565-2567)อยู่ที่ 15% ต่อปี และมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 8.03% จากปี 2566 โดยบริษัท ฯ มีอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 10.73% รักษาระดับใกล้เคียงกันกับปีที่ผ่าน ๆ มา โดยมีอัตราเติบโตของกำไรเฉลี่ยต่อปีแบบทบต้น (CAGR) ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (2565-2567) เฉลี่ย 19.53% ต่อปี

สำหรับไตรมาสแรกของปี 2568 GMM Music ยังคงรักษาผลประกอบการที่ดีอย่างต่อเนื่อง ด้วยรายได้รวม 1,073.18 ล้านบาท เติบโตเกือบ 20% ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 155.39 ล้านบาท เติบโตขึ้น 46.84% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า

การเติบโตมาจากทั้งกลุ่มธุรกิจ 4 เสาหลัก 1.กลุ่มธุรกิจดิจิทัลมิวสิค (Digital Streaming) มีรายได้ 245.30 ล้านบาท 2.กลุ่มธุรกิจบริหารลิขสิทธิ์ (Right Management) มีรายได้กว่า 94.42 ล้านบาท 3.กลุ่มธุรกิจบริหารศิลปิน (Artist Management) ยังคงรักษาเสถียรภาพได้ดีด้วยรายได้จากงาน Sponsorship เพิ่มขึ้นกว่า 108% และ4.กลุ่มธุรกิจโชว์บิซ (คอนเสิร์ตและเทศกาลดนตรี) ทำรายได้สูงสุดที่ 358.68 ล้านบาท สร้างปรากฏการณ์เติบโตแบบก้าวกระโดดถึง 107.45% และจำนวนคนดูกว่า 220,000 คน เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว จากความสำเร็จอย่างล้นหลามของ Music Festival ระดับประเทศ

“ อีกปัจจัยสำคัญที่ทำให้ GMM Music ยังสามารถรักษาการเติบโตได้ดี คือธุรกิจใหม่ที่เพิ่งเปิดตัว อย่าง BLKGEM สถาบันศิลปะบันเทิงที่เกิดจากความร่วมมือระหว่าง GMM Music และ Harlem Shake ซึ่งบริหารโดยครูเจด้า – อภิสราฐ์ เพชรเรืองรอง สามารถสร้างรายได้ที่เติบโตอย่างโดดเด่นถึง 83% จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา” นายภาวิตเสริม

ในด้านการผลิตคอนเทนต์ GMM Music มียอดการรับชมวิดีโอและฟังเพลงเติบโตกว่า 26% ส่วนของการรับชมวิดีโอ มีการเติบโตถึง 22% ด้วยยอดรับชม (วิว) จาก 4,472 ล้าน เป็น 5,492 ล้าน โดยส่วนของ Back Catalog เติบโต 13% ขณะที่ผลงานใหม่ (New Release) เติบโต 25% และส่วนของเพลงประเภท Audio เติบโต 49% ด้วยยอดรับฟัง (สตรีมมิ่ง) จาก 629 ล้าน เป็น 939 ล้าน โดยส่วนของ Back Catalog เติบโต 10% และผลงานใหม่ (New Release) เติบโต 24% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา

สำหรับกลยุทธ์ในช่วงครึ่งหลังปี 2568 คาดว่าภาวะการแข่งขันในธุรกิจโชว์บิซจะรุนแรงยิ่งขึ้น โดยประเทศไทยจะมีการจัดคอนเสิร์ตของศิลปินไทยและต่างประเทศมากกว่า 1,000 งานในปีนี้  โดยปกติบริษัทฯ ได้วางแผนไว้ล่วงหน้า 1 -2 ปี  ซึ่งในปี 2568  นอกจากจะมีแผนจัด Music Festival ในหลากหลายพื้นที่และมีการจัดคอนเสิร์ตของศิลปินในสังกัดแล้ว ยังมีคอนเสิร์ตและแฟนมีทของศิลปินเกาหลี เช่น Le Sserafim Tour ‘Easy Crazy Hot’ in Bangkok, 2025 Han So Hee 1st Fanmeeting World Tour [Xohee Loved Ones,] in Bangkok และคอนเสิร์ตจากศิลปินนานาชาติอีกมากมาย

สำหรับการผลิตคอนเทนต์ โดยปกติบริษัทจะมีการวางกลยุทธ์ 3 ปี ล่วงหน้าโดยจะทำงานอย่างใกล้ชิดร่วมกับ 14 ค่ายเพลงในสังกัด พร้อมเดินหน้าแผนจัดตั้งค่ายเพลงอินเตอร์จำนวน 2 ค่ายร่วมกับ Tencent Music Entertainment (TME) และ Warner Music Asia ซึ่งพร้อมจะเปิดตัวเร็ว ๆ นี้ โดยวางเป้าหมายขยายสเกลของพอร์ตโฟลิโอเพลงโดยรวมของบริษัทด้วยผลงานเพลงใหม่ ๆ ทั้งเชิงคุณภาพ และปริมาณ ไม่น้อยกว่า 500 เพลง และ 3,000 Playlists ภายในปี 2568 นี้

“เราเชื่อมั่นว่า GMM Music จะยังสามารถเติบโตสวนกระแสเศรษฐกิจได้ตลอดทั้งปี 68 นี้ ด้วยความมุ่งมั่นในการสร้างความมั่นคงให้กับอุตสาหกรรมเพลงไทย ซึ่งไม่ใช่แค่การเติบโตทางธุรกิจ แต่เป็นการสร้างระบบนิเวศทางดนตรีที่ยั่งยืนและครอบคลุม ตั้งแต่การพัฒนาศิลปินรุ่นใหม่ การสร้างสรรค์คอนเทนต์ที่หลากหลาย การใช้เทคโนโลยีเพื่อเข้าถึงผู้บริโภค และการสร้างความร่วมมือกับพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศ เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมเพลงไทยสู่ New Music Economy ด้วยการเป็น Music Pure Play ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยอย่างเต็มรูปแบบ” นายภาวิตกล่าวสรุป