HoonSmart.com>>ตลาดหุ้นไทยประเดิมใช้มาตรการชั่วคราว ลดซิลลิ่ง-ฟลอร์จาก 30% เหลือ 15% วันแรก ปรากฎว่าหุ้นหลายตัวดิ่งแรง ปิดที่ฟลอร์สนิท เป็นสัญญาณว่าราคายังคงลงได้ต่อ จับตาแรงขายกระจุกอยู่ในกลุ่มหุ้นที่มีผู้ถือหุ้นใหญ่รายเดียวกัน “มงคล ประกิตชัยพัฒนา” ถูกบังคับขาย KTC,XPG,TPS,BEC หลังจากราคาร่วงลงจนหลักประกันไม่คุมมาร์จิ้น หุ้นกลุ่มพลังงานสุทธิ์(EA) และบริษัทที่มีธุรกิจในกัมพูชา

วันที่ 23 มิ.ย.2568 ตลาดหลักทรัพย์ประเดิมใช้มาตรการชั่วคราว ลดซิลลิ่ง-ฟลอร์จาก 30% เหลือ 15% ป้องกันผลกระทบจากปัจจัยสงครามตะวันออกกลางและการเมืองในประเทศ ทำให้ตลาดโดยรวมไม่ผันผวนรุนแรง แต่กลับมีการซื้อขายหุ้นหลายตัวผิดปกติ ราคาดิ่งฟลอร์สนิท โดยเฉพาะกลุ่มหุ้นที่มีผู้ถือหุ้นใหญ่รายเดียวกัน ท่ามกลางกระแสข่าว นักลงทุนรายใหญ่ “มงคล ประกิตชัยพัฒนา”ถูกบังคับขายหุ้น (ฟอร์ซเซล) ในบริษัท บัตรกรุงไทย (KTC) ถือสัดส่วน 12.70% บริษัทเอ็กซ์สปริง แคปปิตอล (XPG) สัดส่วน 6.09% บริษัทเดอะแพรคทิเคิลโซลูชั่น (TPS ) สัดส่วน 16.60% บริษัท บีอีซีเวิลด์ (BEC) สัดส่วน 4.58% ทำให้ทั้ง 4 บริษัทปิดที่ราคาฟลอร์สนิท
นอกจากนี้หุ้นกลุ่มพลังงานบริสุทธิ์ (EA) บริษัท เน็กซ์ พอยท์ (NEX) และบล.บียอนด์ (BYD) ก็ปิดที่ฟลอร์ รวมถึงหุ้นที่มีธุรกิจอยู่ในกัมพูชา อาทิ บริษัท สามารถ เอวิเอชั่น โซลูชั่นส์ (SAV) ปัจจุบันดำเนินธุรกิจด้านวิทยุการบิน ในประเทศกัมพูชา ซึ่งบริษัทชี้แจงว่ายังไม่ได้รับผลกระทบในการดำเนินธุรกิจแต่อย่างใด
สาเหตุที่หุ้น KTC,XPS,TPS,BEC ปิดฟลอร์สนิท เพราะโบรกเกอร์บังคับขายหุ้นยังไม่หมด หลังจากนายมงคล ประกิตชัยพัฒนา นำหุ้นไปวางเป็นหลักประกันของสินเชื่อเพื่อซื้อหุ้นและเล่นบล็อกเทรด ซึ่งในช่วงที่ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นมาก ก็มีหลักประกันเพียงพอในการปล่อยสินเชื่อ แต่เมื่อราคาหุ้นปักหัวลง ก็ทำให้หลักประกันลดลงจนถึงจุดที่จะต้องเติมเงิน และเมื่อไม่มีเงินใหม่เข้ามาก็จะต้องถูกบังคับขาย
” KTC เป็นหุ้นตัวหนึ่งที่ราคาเคยพุ่งขึ้นมาก สร้างความร่ำรวยให้แก่ผู้ถือหุ้น สามารถนำไปใช้วางหลักประกันขอสินเชื่อได้จำนวนมาก แต่เมื่อราคาปรับตัวลง จนถึงจุดบังคับขาย นอกจากผู้ถือหุ้นรายใหญ่จะได้รับความเสียหายแล้ว นักลงทุนรายเล็ก รายน้อยก็ประสบปัญหาขาดทุนด้วย เชื่อว่าจะสร้างความเสียหายให้กับโบรกเกอร์ด้วย เพราะมีการกระจุกตัวในการให้สินเชื่อตัวนี้ “แหล่งข่าวกล่าว
ส่วนหุ้นกลุ่มพลังงานบริสุทธิ์ที่ปรับตัวลงแรง คาดว่าจะเกิดจากความกังวลของนักลงทุน เรื่องบริษัทจัดการประชุมผู้ถือหุ้นกู้ทั้ง 14 ชุดในวันที่ 27 มิ.ย.นี้ อาจจะไม่ได้มติเลื่อนระยะเวลาของหุ้นกู้ออกไป 7 ปี แม้ว่าเสนอจ่ายดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น 0.50% ต่อปีก็ตาม แต่เชื่อว่าบริษัทจะสามารถหาทางออกได้ในที่สุด
