HoonSmart.com>>สภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) เผย “ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน” 3 เดือนข้างหน้า ปรับขึ้นสู่เกณฑ์ “ทรงตัว” หวังปัจจัยหนุนจากมาตรการรัฐ การฟื้นตัวเศรษฐกิจไทย ส่วนการถดถอยของเศรษฐกิจในประเทศ-สงครามการค้า ปัจจัยฉุด มอง “หุ้นธนาคาร” น่าสนใจมากสุด ส่วน “ยานยนต์” ไม่น่าสนใจมากที่สุด
นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index) ผลสำรวจในเดือนพฤษภาคม 2568 (สำรวจระหว่างวันที่ 19-31 พฤษภาคม 2568) พบว่า “ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index: ICI) ในอีก 3 เดือนข้างหน้าปรับขึ้นมาอยู่ในเกณฑ์ ทรงตัว” ที่ระดับ 110.36 นักลงทุนมองว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ เป็นปัจจัยหนุนความเชื่อมั่นมากที่สุด รองลงมาคือการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ และการไหลเข้าของเงินทุน ปัจจัยที่ฉุดความเชื่อมั่นนักลงทุนมากที่สุด ได้แก่ การถดถอยของเศรษฐกิจในประเทศ รองลงมาคือสงครามการค้า และความกังวลต่อวินัยการคลัง
ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index) สำรวจในเดือนพฤษภาคม 2568 ได้ผลสำรวจโดยสรุป ดังนี้
“ผลสำรวจ ณ เดือนพฤษภาคม 2568 รายกลุ่มนักลงทุน พบว่า ความเชื่อมั่นกลุ่มนักลงทุนบุคคล ปรับเพิ่ม 38.5% อยู่ที่ระดับ 59.09 กลุ่มบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ปรับเพิ่ม 25.0% อยู่ที่ระดับ 75.00 กลุ่มนักลงทุนสถาบันในประเทศปรับลด 15.9% อยู่ที่ระดับ 110.00 และกลุ่มนักลงทุนต่างประเทศปรับเพิ่ม 125.0% อยู่ที่ระดับ 150.00″
ในเดือนพฤษภาคม 2568 ตลาดทุนไทยยังคงเผชิญกับความผันผวนจากปัจจัยทั้งในและต่างประเทศ แม้จะมีสัญญาณฟื้นตัวบางประการจากเดือนก่อนหน้า อาทิ การผ่อนคลายนโยบายการค้าสหรัฐฯ แต่ตัวเลขเศรษฐกิจในประเทศยังขยายตัวต่ำกว่าคาด โดยสภาพัฒน์ฯ ปรับประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2568 เหลือเพียง 1.8% จากเดิมที่ประมาณการไว้ 2.8% รวมถึงการบริโภคภาคเอกชนในไตรมาส 1/2568 ขยายตัวเพียง 2.6% และการผลิตของภาคอุตสาหกรรม 5 ไตรมาสล่าสุดขยายตัวเฉลี่ยเพียง 0.5% โดย SET Index ณ สิ้นเดือนพฤษภาคม 2568 ปิดที่ 1,149.18 ปรับตัวลดลง 4% จากเดือนก่อนหน้า ปริมาณซื้อขายเฉลี่ยต่อวันในเดือนพฤษภาคม 2568 อยู่ที่ 42,474 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 16,182 ล้านบาท ตั้งแต่ต้นปี 2568 นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิรวม 70,749 ล้านบาท
ปัจจัยต่างประเทศยังคงต้องติดตามนโยบายการค้าของสหรัฐฯ และแนวโน้มเศรษฐกิจชะลอตัวจากผลของสงครามการค้า สถานการณ์เงินเฟ้อที่มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นอาจส่งผลให้ธนาคารกลางในประเทศเศรษฐกิจหลัก ไม่สามารถปรับลดดอกเบี้ยได้ตามคาด ในส่วนของปัจจัยในประเทศที่น่าติดตาม ได้แก่ ความไม่แน่นอนทางการเมืองภายในประเทศซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนและการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาล และการฟื้นตัวของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เป็นไปอย่างล่าช้าโดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีน
———————————————————————————————————————————————————–