HoonSmart.com>>”บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์”(BTS) วางเป้ารายได้ปี 68/69 ที่ 2.85 หมื่นล้านบาท ส่วน EBITDA เพิ่มเป็น 1.2 หมื่นล้านบาท รถไฟฟ้าสายสีชมพูส่วนต่อขยายเตรียมเปิดให้บริการ 17 มิ.ย.นี้ เล็งผลดีนโยบายภาครัฐ 20 บาทตลอดสาย หาก กทม.ชำระหนี้ส่วนที่เหลือกว่า 3 หมื่นล้านบาท D/E ลงมาเหลือแค่ 1.02 เท่า ด้านบล.กรุงศรี เชียร์”ซื้อ”BTS มองเป็นหุ้น Turnaround บล.ทิสโก้คงแนะนำ “ถือ” ยืนมูลค่า 6 บาท
น.ส.สิณัฎฐา เกี่ยวข้อง ผู้อำนวยการฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์ และผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนา บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (BTS) เปิดเผยว่า ปี 2568/2569 บริษัทคาดว่ารายได้รวม 2.85 หมื่นล้านบาท มาจากทุกกลุ่มธุรกิจ โดยเฉพาะการรวม ROCTEC และ RABBIT ส่วน EBITDA ขยับขึ้นมาเป็น 12,000 ล้านบาท จากปี 2567/2568 ที่มีจำนวน 9,000 ล้านบาท นอกจากนี้ หากบริษัทได้รับการชำระหนี้ส่วนที่เหลือทั้งหมดภายในมี.ค.2569 จะส่งผลให้กระแสเงินสดจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นเป็น 39,000 ล้านบาท และ D/E จะลดเหลือ 1.02 เท่า จาก 1.28 เท่า
ทั้งนี้ในปี 2567/68 บริษัทฯมีรายได้รวม 28,998 ล้านบาท เติบโต 18.9% รายได้จากการดำเนินงาน 19,101 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.3%
Recurring EBITDA 9,185 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.2 % และกำไรสุทธิ 2,117 ล้านบาท พุ่งขึ้น 140.4%
สำหรับธุรกิจ MOVE ในปี 2568/2569 คาดว่าจะมีรายได้ 9,900 ล้านบาท หลัก ๆ รายได้ O&M จะเติบโตต่อเนื่อง เป็น 7,600 ล้านบาท และจะรับรู้ดอกเบี้ยรับที่เกี่ยวกับโครงการรถไฟฟ้าที่ประมาณ 4,500 ล้านบาท คาดว่าจะได้รับเงินสนับสนุนจากรฟม.ของสายสีชมพูและสายสีเหลืองอย่างต่อเนื่องเป็นปี 3 รวมประมาณ 4,700 ล้านบาท งบลงทุนคาดว่าจะอยู่ที่ 1,000 ล้านบาท
ธุรกิจ MIX แม้การชะลอตัวของเศรษฐกิจจะส่งผลกระทบต่อการโฆษณาโดยรวม แต่ในส่วนธุรกิจสื่อโฆษณานอกบ้านคาดว่าจะยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง และหากมีการเริ่มใช้นโยบาย 20 บาท จากทางภาครัฐ จำนวนผู้โดยสารก็คาดว่าจะเติบโตยิ่งขึ้นไปอีก ซึ่งจะเป็นตัวสนับสนุนหลักของการฟื้นตัวธุรกิจมีเดีย จึงคาดว่ารายได้ของ VGI ในปี 2568/2569 จะมี 6,000-6,500 ล้านบาท งบลงทุนจะไม่เกิน 1,000 ล้านบาท
ธุรกิจ MATCH รายได้จะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากการรวม ROCTEC และ RABBIT มาอยู่ภายใต้งบรวมของ BTS โดย RABBIT คาดว่าจะรับรู้รายได้อยู่ที่ประมาณ 7,000 ล้านบาท และ ROCTEC ประมาณ 3,400 ล้านบาท ในขณะที่เงินลงทุนคาดว่าจะลดลงเหลือประมาณ 2,000 ล้านบาท หลัก ๆ จะเป็นการลงทุน Real Estate ภายใต้ RABBIT Holdings
นายกันต์ธร ทองมูล เจ้าหน้าที่นักลงทุนสัมพันธ์ BTS เปิดเผยถึงหนี้กับทางกทม.(BMA)มี 2 ส่วน ส่วนแรกเป็นหนี้เกี่ยวกับงานระบบ E&M ของโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ซึ่งปีที่ผ่านมาได้รับชำระมาแล้ว 23,000 ล้านบาท และหนี้ที่ได้รับชำระล่าสุดเป็นหนี้เกี่ยวกับงาน O&M ของโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย 1 และ 2 โดยจะแบ่งไปตามช่วงระยะเวลาของหนี้ ซึ่งคดีฟ้องร้องครั้งที่ 1 บริษัทได้รับชำระหนี้จากกทม.เมื่อวันที่ 27 ธ.ค.2567 เป็นจำนวน 14,500 ล้านบาท บริษัทฯได้นำเงินส่วนใหญ่ไปใช้ชำระหนี้ ทั้งนี้ ยังมีหนี้อีกกว่า 30,000 ล้านบาท ที่อยู่ในกระบวนการตามเก็บต่อไป
สำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูส่วนต่อขยาย ที่วิ่งจากเมืองทองธานี ถึงทะเลสาบเมืองทองธานี ขณะนี้ได้เริ่มทดสอบการเดินรถและคาดว่าจะเปิดให้บริการเชิงพาณิชย์อย่างเป็นทางการในวันที่ 17 มิ.ย.นี้ คาดจำนวนผู้โดยสารเฉลี่ยมากกว่า 13,000 เที่ยว/วัน
บล.กรุงศรี แนะนำ”ซื้อ”หุ้น BTS ราคาเป้าหมาย 6.49 บาท มองเป็นหุ้น Turnaroundจะมีกำไรในปี 2569 ที่ 365 ล้านบาท จากที่ติดลบในปี 2568 สำหรับตั๋ว 20 บาท น่าจะส่งผลดีกับทาง BTS
บล.ทิสโก้ยืนยันมูลค่าเหมาะสมที่ 6 บาท คงคำแนะนำ “ถือ” แม้ว่ากำไรจะมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น แต่ความสามารถในการทำกำไรยังคงเจียมเนื้อเจียมตัวและขึ้นอยู่กับการเติบโตของจำนวนผูุ้โดยสาร ความเสี่ยงหลักรวมถึงปริมาณผู้โดยสารที่ต่ำกว่าที่คาดไว้ในสาย BTS, เหลือง และชมพู ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อรายได้และการฟื้นตัวของอัตรากำไร นักลงทุนควรติดตามการดำเนินการในนโยบายค่าโดยสาร และแนวโน้มจำนวนผู้โดยสารเป็นปัจจัยกระตุ้นหลักสำหรับการประเมินใหม่
ล่าสุดวันที่ 6 มิ.ย.2568ที่ผ่านมา ราคาหุ้น BTS ปิดที่ 4.50 บาท ร่วงลง 0.14 บาทหรือ -3.02%
