ดาวโจนส์ปิดลบ 108 จุด หุ้นTesla ร่วงแรง 

HoonSmart.com>>ดาวโจนส์ปิดลบ 108 จุด หุ้นTesla ร่วงแรง หลังจากความบาดหมางของทรัมป์กับมัสก์ปะทุขึ้น ตลาดหุ้นยังผิดหวังข้อมูลเศรษฐกิจ จำนวนผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานแตะระดับสูงสุดในรอบ 8 เดือน ในสัปดาห์สุดท้ายของเดือนพ.ค.  กลบข่าวดีการสนทนาทางโทรศัพท์ระหว่างทรัมป์และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง  ความหวังความสัมพันธ์สหรัฐและจีนดีขึ้น ด้านตลาดหุ้นยุโรปปิดลบ สวนทางการปรับลดดอกเบี้ยของธนาคารกลาง (ECB) ราคาน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นเล็กน้อย

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average: DJIA) วันที่ 5 มิถุนายน 2568 ปิดที่ 42,319.74 จุด ลดลง 108 จุด หรือ -0.25% และดัชนี S&P ปิดในแดนลบจากการร่วงลงแรงของหุ้น Tesla หลังจากเกิดความขัดแย้งระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กับอีลอน มัสก์ ซีอีโอของบริษัท ซึ่งกลบการสนทนาทางโทรศัพท์ระหว่างทรัมป์และประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีน ที่ทำให้นักลงทุนมีความหวังมากขึ้นว่าความสัมพันธ์ที่ตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ และจีนอาจจะคลี่คลายลงได้

ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,939.30 จุด ลดลง 31.51 จุด, -0.53%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 19,298.45 จุด ลดลง 162.04 จุด, -0.83%

หุ้น Tesla ร่วงลงกว่า 14% และมูลค่าตลาดลดลงต่ำกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ หลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กล่าวว่าเขาผิดหวังมากในตัวซีอีโออีลอน มัสก์ ซึ่งมัสก์โต้กลับประธานาธิบดีโดยโพสต์บน X ว่าถ้าไม่มีเขา ทรัมป์คงแพ้การเลือกตั้ง ความบาดหมางทวีความรุนแรงมากขึ้นหลังจากทรัมป์บอกว่ามัสก์บ้าและส่งสัญญาณว่าเขาอาจตัดสัญญาที่บริษัทมีกับรัฐบาล

ความบาดหมางของทรัมป์กับมัสก์ปะทุขึ้นในวันพฤหัสบดี หลังจากมัสก์วิพากษ์วิจารณ์ร่างกฎหมายภาษีและการใช้จ่ายมหาศาลของทรัมป์ ทรัมป์โพสต์บน Truth Social ว่า “วิธีที่ง่ายที่สุดในการประหยัดเงินในงบประมาณของเรา ซึ่งมีมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ คือการยกเลิกเงินอุดหนุนและสัญญาของอีลอน”

การซื้อขายผันผวน หลังจากจีนกล่าวเมื่อวันพฤหัสบดีว่า ทรัมป์และประธานาธิบดีสีจิ้น ผิงของจีนได้พูดคุยทางโทรศัพท์กัน โดยเป็นการสนทนาที่ทรัมป์ริเริ่ม ตามที่กระทรวงการต่างประเทศปักกิ่งและสถานทูตจีนในสหรัฐฯ เปิดเผย

ทรัมป์โพสต์บน Truth Social ว่าการโทรศัพท์คุยกับสี จิ้นผิงเป็นไปด้วยดี แต่ยังไม่ชัดเจนว่าผู้นำทั้งสองได้บรรลุผลอะไรจากการพูดคุย ทรัมป์กล่าวว่าทีมการค้าของทั้งสองประเทศจะพบกันอีกครั้งในเร็วๆ นี้

หุ้น Amazon ซึ่งจำหน่ายผลิตภัณฑ์จำนวนมากจากจีน พุ่งขึ้นถึง 2% ในเช้าวันพฤหัสบดี หลังจากประธานาธิบดีทรัมป์และผู้นำจีนสี จิ้นผิงได้พูดคุยกัน

ตลาดหุ้นยังผิดหวังกับข้อมูลเศรษฐกิจ โดยกระทรวงแรงงานรายงานว่าจำนวนผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานแตะระดับสูงสุดในรอบ 8 เดือน ในสัปดาห์สุดท้ายของเดือนพฤษภาคม ชาวอเมริกันยื่นขอสวัสดิการว่างงานเพิ่มขึ้น 8,000 ราย มาที่ 247,000 ราย ซึ่งสูงกว่า 236,000 ราย ที่นักวิเคราะห์คาด ทำให้เกิดความกังวลใหม่เกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจของตลาดแรงงาน จำนวนผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานต่อเนื่อง ซึ่งเป็นมาตรวัดการว่างงานระยะยาว ยังคงอยู่ใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 4 ปี แนวโน้มนี้บ่งชี้ว่าแม้แต่ผู้ที่ตกงานก่อนหน้านี้ก็ยังต้องดิ้นรนหางานใหม่ นี่เป็นอีกสัญญาณหนึ่งที่บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ อาจเริ่มได้รับผลกระทบจากนโยบายการค้าที่เปลี่ยนไปของทรัมป์

กระทรวงพาณิชย์รายงานว่า ในเดือนเมษายน สหรัฐฯ ขาดดุลการค้าลดลง 55.5% มูลค่ารวม 61.6 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนกันยายน 2023 จาก 138.3 พันล้านดอลลาร์ในเดือนมีนาคม การนำเข้าลดลง 16.3% มูลค่ารวม 351.0 พันล้านดอลลาร์ และการส่งออกเพิ่มขึ้น 3.0% มูลค่ารวม 289.4 พันล้านดอลลาร์ สูงสุดเป็นประวัติการณ์

นักลงทุนจับตาการรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร ในวันนี้ โดยนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า จะเพิ่มขึ้นเพียง 125,000 ตำแหน่งในเดือนพฤษภาคม หลังจากเพิ่มขึ้น 177,000 ตำแหน่งในเดือนเมษายน และคาดว่าอัตราว่างงานจะทรงตัวที่ระดับ 4.2%
หุ้น P&G ลดลง 1.9% หลังประกาศจะปลดพนักงาน 7,000 ตำแหน่ง หรือประมาณ 6% ของจำนวนพนักงานในบริษัท ในอีก 2 ปีข้างหน้า ตามแผนการปรับโครงสร้างองค์กร

ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบ หลังจากคริสติน ลาการ์ด ประธานธนาคารสหภาพยุโรป(ECB) ให้ความเห็นในเชิงเข้มงวด กลบในเชิงแข็งกร้าวกลบการลดอัตราดอกเบี้ย

ดัชนี STOXX 600 ซึ่งในช่วงแรกอยู่ในแดนบวก พลิกกลับมาอยู่ในแดนลบ หลังลาการ์ดกล่าวว่า ECB อยู่ในสถานะที่พร้อมมากที่จะจัดการกับความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก ซึ่งส่งสัญญาณให้นักลงทุนลดความคาดหวังในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง

ธนาคารกลางยุโรปลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25%เมื่อวันพฤหัสบดี ตามคาดการณ์แล้ว แต่ความเห็นของลาการ์ด ส่งสัญญานว่าจะหยุดพักวัฏจักรการลดดอกเบี้ยที่ดำเนินมากว่าหนึ่งปีหลังจากเงินเฟ้อลดลงแตะเป้าหมาย 2% ทำให้ตลาดลดความคาดหวังต่อการปรับลดดอกเบี้ยครั้งต่อไป

ตอนนี้ตลาดคาดการณ์จะไม่มีการลดดอกเบี้ยในเดือนกรกฎาคม และคาดว่าจะมีการปรับลดอีกเพียงครั้งเดียวในช่วงปลายปี ซึ่งอาจเกิดขึ้นในเดือนธันวาคม

กลุ่มธนาคารฟื้นตัวจากที่ลดลงในช่วงต้นวันจนกลายเป็นกลุ่มที่มีผลงานดีที่สุดในวันนี้ โดยได้ประโยชน์จากแนวโน้มที่อัตราดอกเบี้ยจะคงอยู่ในระดับสูงเป็นเวลานานขึ้น

ในทางกลับกัน ภาคอสังหาริมทรัพย์ที่อ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ย ซึ่งได้รับแรงหนุนในช่วงแรกจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ย กลับอ่อนตัวลงและปิดตลาดลดลง 0.2%

กลุ่มเหมืองแร่โลหะอุตสาหกรรมพุ่งขึ้น 1.4% ตามราคาทองแดงที่พุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 2 เดือน
กลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย รวมถึงกลุ่มอาหารและเครื่องดื่มซึ่งเป็นตัวแทนการใช้จ่ายของผู้บริโภคลดลง ขณะที่กลุ่มสินค้าหรูซึ่งพึ่งความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเช่นกันนั้น ก็ลดลง กลุ่มท่องเที่ยวและสันทนาการลดลง 0.4%

ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 551.88 จุด เพิ่มขึ้น 0.86 จุด, +0.16%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,790.27 จุด ลดลง 14.40 จุด, -0.18%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 24,323.58 จุด เพิ่มขึ้น 47.10 จุด, +0.19%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,811.04 จุด เพิ่มขึ้น 9.75 จุด +0.11%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนกรกฎาคม เพิ่มขึ้น 52 เซนต์ หรือ 0.83% ปิดที่ 63.37 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนสิงหาคม เพิ่มขึ้น 48 เซนต์ หรือ 0.74% ปิดที่ 65.34 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล