HoonSmart.com>> “บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์” (BTS) พลิกโชว์กำไรสุทธิงวดปี 67/68 แตะ 2,117 ล้านบาท จากขาดทุนหนักงวดปีก่อน 5,241 ล้านบาท หลังบันทึกกำไรพิเศษครั้งเดียวจากเปลี่ยนสถานะบริษัทลูก “RABBIT – ROCTEC” กำไรขายเงินลงทน ด้านรายได้จากการดำเนินงาน 19,101 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.3% งดจ่ายปันผล พร้อมชงผู้ถือหุ้นอนุมัติโอนทุนสำรอง-ส่วนเกินมูลค่าหุ้นล้างขาดทุนสะสมเกลี้ยง 5,849 ล้านบาท
บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (BTS) เปิดเผยผลการดำเนินงานประจำปี 2567/68 สิ้นสุดวันที่ 31 มี.ค.2568 พลิกกำไรสุทธิ 2,117.12 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.15 บาท เพิ่มขึ้น 140.4% จากงวดเดียวกันของปีก่อนขาดทุนสุทธิ 5,241.24 ล้านบาท ขาดทุนต่อหุ้น 0.40 บาท
ในปี 2567/68 บริษัทมีรายได้รวม 28,998 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.9% หรือ 4,615 ล้านบาทจากปีก่อน ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการรวมรายได้ของบริษัท แรบบิท โฮลดิ้งส์ (RABBIT) และบริษัท ร็อคเทค โกลบอล (ROCTEC) จำนวนรวม 3,423 ล้านบาท ตั้งแต่ต้นเดือนพ.ย.2567 หลังจากการเข้าซื้อหลักทรัพย์โดยสมัครใจ (Voluntary Tender Offer: VTO)
การเพิ่มขึ้นของรายได้อื่น ส่วนใหญ่มาจากการบันทึกกำไรที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว จำนวน 3,368 ล้านบาท จากการเปลี่ยนสถานะของ RABBIT และ ROCTEC จากบริษัทร่วมเป็นบริษัทย่อยของบีทีเอส กรุ๊ป รวมถึงกำไรจากการขายเงินลงทุน จำนวน 252 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม การเพิ่มขึ้นดังกล่าวถูกหักกลบบางส่วนด้วย การลดลงของรายได้จากการให้บริการรับเหมา จำนวน 2,753 ล้านบาท หลังจากการเสร็จสิ้นงานก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลืองและสายสีชมพูสายหลัก
ค่าใช้จ่ายรวม จำนวน 19,106 ล้านบาท ลดลง 12.5% เมื่อเทียบกับปีก่อน สาเหตุหลักมาจากไม่มีการบันทึกผลขาดทุนที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวจากการด้อยค่าเงินลงทุนของบริษัท เคอีเอ็กซ์ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) หรือ KEX (ซึ่งบันทึกในงบการเงินภายใต้รายการขาดทุนจากการขายเงินลงทุน) รวมถึงต้นทุนการให้บริการรับเหมาที่ลดลง จำนวน 2,811 ล้านบาท หลังจากการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลืองและสายสีชมพูสายหลักแล้วเสร็จ
กำไรจากการดำเนินงานที่เกิดขึ้นเป็นประจำก่อนค่าเสื่อมราคา ค่าตัดจำหน่าย ดอกเบี้ยและภาษี (Recurring EBITDA) จำนวน 9,185 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.2% หรือ 999 ล้านบาทจากปีก่อนหน้า ส่วนใหญ่มาจากการเพิ่มขึ้นของ Recurring EBITDA ของธุรกิจ MIX และ MATCH รวมถึงการกลับมารับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมและการร่วมค้า จำนวน 454 ล้านบาท (เมื่อเทียบกับส่วนแบ่งขาดทุน จำนวน 206 ล้านบาทจากปีก่อนหน้า)
การเพิ่มขึ้นของ Recurring EBITDA ในธุรกิจ MIX สาเหตุหลักมาจากการกลับมารับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุน หลังจากการจำหน่ายเงินลงทุนในKEX ในเดือนมี.ค.2567 รวมถึงการฟื้นตัวของผลการดำเนินงานของบริษัท เจมาร์ท กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (JMART) และผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องของ VGI ซึ่งการเพิ่มขึ้นของ Recurring EBITDA ในธุรกิจ MATCH สาเหตุหลักมาจากการรวมงบการเงินของบริษัท
บริษัทฯ มีรายได้จากการดำเนินงาน จำนวน 19,101 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.3% YoY , Recurring EBITDA จำนวน 9,185 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.2% YoY
” BTS มีรายได้จากการให้บริการเดินรถและซ่อมบำรุง (O&M)บรรลุเป้าหมาย เพิ่มขึ้น 3.9% หรือ 276 ล้านบาทจากปีก่อนเป็น 7,300 ล้านบาท ส่วนงบลงทุน ในงานก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูส่วนต่อขยายมากกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้จำนวน 700 ล้านบาท เป็น 1,100 ล้านบาท”บีทีเอสฯระบุ
ด้านอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น เท่ากับ 1.28 เท่า ดีขึ้นจาก 2.50 เท่า จากปี2566/67 และมีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด จำนวน 33.4 พันล้านบาท ณ วันที่ 31 มี.ค.2568
คณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติการงดจ่ายเงินปันผล สำหรับรอบระยะเวลาบัญชีสิ้นสุดวันที่ 31 มี.ค.2568 และอนุมัติให้เสนอต่อที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ในวันที่ 25 ก.ค.2568 เพื่อพิจารณาและอนุมัติการโอนทุนสำรองตามกฎหมายจำนวน 178,065,674 บาท และส่วนเกินมูลค่าหุ้นสามัญจ านวน 5,671,338,357 บาท เพื่อชดเชยผลขาดทุนสะสมตามงบการเงินเฉพาะกิจการของบริษัทฯ สำหรับรอบระยะเวลาบัญชีสิ้นสุดวันที่ 31 มี.ค.2568 จำนวน 5,849,404,031 บาท
ทั้งนี้ ภายหลังการโอนทุนสำรองตามกฎหมายและส่วนเกินมูลค่าหุ้นสามัญเพื่อชดเชยผลขาดทุนสะสมดังกล่าว บริษัทฯ จะไม่มีผลขาดทุนสะสมในงบการเงินเฉพาะกิจการของบริษัทฯและจะมีทุนสำรองตามกฎหมายคงเหลือ 0 บาท และมีส่วนเกินมูลค่าหุ้นสามัญคงเหลือจำนวน 6,202,704,809 บาท
———————————————————————————————————————————————————–

