HoonSmart.com >> ส่องหุ้น KJL “หยวนต้า” เคาะเป้า 9.90 บาท อัพไซด์กว้าง 57% แนวโน้มกำไร Q2/68 โตต่อเนื่อง ราคาเหล็กลง หนุนมาร์จิ้น

บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) วิเคราะห์หุ้นบริษัท กิจเจริญ เอ็นจิเนียริ่ง อีเลคทริค (KJL) แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 12 เดือนที่ 9.90 บาท ราคาหุ้นปัจจุบันมี Valuation ต่ำ โดยมี PER2025 ต่ำเพียง 7.7 เท่า ให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลทั้งปี 8% (จ่ายทุกครึ่งปี) มองเป็นโอกาส “ซื้อ”
บทวิเคราะห์ระบุอีกว่า แนวโน้มกำไร Q2/68 ที่ 50 – 55 ล้านบาท เติบโตสูงเทียบ QoQ และเติบโตเล็กน้อย YoY เนื่องจาก ลูกค้าที่มีคำสั่งซื้อช่วงโปรโมชั่นใน Q4/24 สต๊อกเริ่มลดลง จึงกลับมาซื้อสินค้าซ้ำ ประกอบกับมีการออกสินค้าใหม่ ที่ตอบโจทย์การใช้งานในยุคเศรษฐกิจชะลอตัว โดยเน้นสินค้าที่ยังใช้งานได้ในคุณภาพใกล้เคียงเดิม แต่มีราคาที่ประหยัดลง เช่น พูลบ็อกซ์เหล็กหนา 1.6 mm ชุปกัลวาไนซ์ รวมถึงการจัดงานสัมนารวมพลคนไฟฟ้าต่อเนื่องทุกเดือน ทำให้ได้ฐานช่างไฟ และร้านค้าเพิ่มขึ้น ทำให้เกิดการระบุยี่ห้อ KJL เมื่อสั่งซื้อตู้ไฟ และอุปกรณ์
ขณะที่สินค้ากลุ่ม Solar ยังเติบโตดี จากการติดตั้ง Solar roof ทั้งภาคครัวเรือน และภาคธุรกิจ และกำลังอยู่ในช่วงทำการตลาดลูกค้ากลุ่ม Data center ซึ่งทยอยมีรายได้กลุ่มนี้เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง นอกจากนี้ใน Q2/25 ออกสินค้าใหม่เป็นกลุ่ม Stainless series แพงกว่าตู้เหล็ก 5 – 6 เท่า แต่มีความต้องการสำหรับอุตสากรรมเฉพาะทางที่ต้องการความแข็งแรงพิเศษ เช่น อุตสากรรมเคมี สถานที่ริมทะเล อุตสำหกรรมอาหารที่ต้องการ Food grade เป็นต้น ช่วยเพิ่มทั้งรายได้ และ GPM
KJL มีจุดแข็งคือมาตรฐานสินค้าที่ได้รับการยอมรับ แบรนด์เป็นที่รู้จักมายาวนาน มีสินค้าหลากหลาย ตอบโจทย์ลูกค้าทุกประเภท การขนส่งรวดเร็ว มีสมาชิกช่างไฟจำนวนมากขึ้นต่อเนื่อง และสร้าง Awareness ให้ระบุชื่อ KJL เมื่อสั่งตู้ไฟและอุปกรณ์ ทำให้ได้เปรียบคู่แข่ง แม้ในภาวะเศรษฐกิจไม่ดี KJL ยังสามารถปรับตัวด้วยการออกสินค้าใหม่ตอบโจทย์ความต้องการได้รวดเร็ว และสั่งซื้อได้แม้ต้องการเพียงชิ้นเดียว ขณะที่คู่แข่งอ่อนแอลงตามภาวะเศรษฐกิจ ทั้งด้านคุณภาพสินค้า และบริการรวมถึงฐานะทางการเงิน ทำให้แม้ว่าภาพรวมการบริโภคอาจลดลง แต่ KJL ยังสามารถเติบโตได้จากการแย่งส่วนแบ่งทางการตลาดของเจ้าอื่น
คาดรายได้ปี 2025 ของ KJL เติบโต 12.4% YoY เป็น 1,353 ลบ. และ 17% YoY เป็น 1,584 ลบ. ในปี 2026 เนื่องจากจะมีการขยายกำลังการผลิตอีก 7 ล้านชิ้น หรือ 21% เป็น 40 ล้านชิ้นใน Q4/25 นอกจากนี้มีการลงทุนซื้อที่ดินเพื่อเตรียมพร้อมการขยายกำลังการผลิต และคลังสินค้าในเฟสถัดไป สะท้อนมุมมองผู้บริหารต่อแนวโน้มของธุรกิจว่ายังเติบโตไปในทิศทางที่ดี สวนทางกับทิศทางเศรษฐกิจในประเทศ
นับตั้งแต่การประกาศขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯเมื่อ 2 เม.ย.ส่งผลให้ราคาเหล็กทุกประเภทลดลงในช่วงเกือบ 2 เดือนนี้ราว 5 – 13% โดยเหล็กรีดเย็นลดลงราว 9% เหล็กรีดร้อนลดลงราว 12 – 13% ช่วยให้ KJL สามารถจัดโปรโมชั่นได้มากขึ้นโดย GPM ยังสูงกว่า 30% ได้ ขณะที่สินค้าพรีเมี่ยมเดิมก็ยังสามารถขายได้ในอัตรากำไรขั้นต้นที่สูงขึ้น คาดกำไรปี 2025 ที่ 190 ลบ. (+5.0% YoY) ในปี 2026 คำดที่ 232 ลบ.(+22.0% YoY) โดยประมาณการกำ ไรปี 2025 อยู่ในกรอบล่างของเป้าหมายของบริษัทที่ 190 – 210 ล้านบาท
