HoonSmart.com>>ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) รวมพลังพันธมิตร จัดงาน “EARTH JUMP” แนะยุทธศาสตร์รับมือโลกร้อนมุ่งสู่ความยั่งยืน สินเชื่อสีเขียวบูมปล่อย 1.5 แสนล้าน คาดสิ้นปีแตะ 2 แสนล้านบาท เร็วกว่าแผนปี 2030 เพิ่มพาร์ทเนอร์ต่างประเทศ เจ้าของเทคโนโลยี ยืนเป้าปีนี้สินเชื่อไม่โต ชี้ 5 เดือนอ่อนแรง NPLs ไตรมาส 2 ใกล้ไตรมาสแรกที่ 3.19% ครึ่งปีหลังจับตาเจรจาภาษีสหรัฐหากยังคงเก็บไทย 36% NPLs เพิ่มขึ้น รับลูกหนี้รายใหญ่เริ่มมีปัญหา พร้อมเจรจายืดชำระหนี้
นางสาวขัตติยา อินทรวิชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกสิกรไทย จำกัด(มหาชน) หรือ KBANK เปิดเผยว่า โลกมีความไม่แน่นอน มีแรงกดดันจากหลายด้าน หนึ่งในนั้น คือ นโยบายทางการค้าจากประเทศต่างๆ โดยเฉพาะสหรัฐฯ ความขัดแย้งทางภูมิศาสตร์ เศรษฐกิจโลกชะลอตัว การค้าโลกตกต่ำ AI เทคโนโลยีดิสรับชั่น โรคระบาด ล้วนกระทบประเทศไทย ซึ่งทุกคนจะต้องเดินหน้าต่อ และจะต้องเดินให้เร็ว การอยู่กับที่ไม่ใช่ทางออกที่ดี
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวว่า มีคำสำคัญที่อยากฝากไว้ คือ F.E.A.R ซึ่งสามารถหมายถึง “Forget Everything And Run” (วิ่งหนีจากทุกอย่าง) หรือ “Face Everything And Rise” (เผชิญหน้าทุกอย่าง แล้วลุกขึ้นสู้) โดยจะเลือกแบบไหนขึ้นอยู่กับตัวเองจะปล่อยให้ความกลัวครอบงำ หรือ เปลี่ยนเป็นพลัง แต่ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ต้องไปต่ต้อง ต้องรับมือกับความไม่แน่นอนให้ได้ เพราะกระทบกับทุกคนในรูปแบบที่แตกต่างกันไป ไม่ว่าจะในแต่ละอุตสาหกรรม ธุรกิจ หรือ อาชีพ เลือกใช้องค์ความรู้ เครื่องมือ และแนวทางที่แตกต่างกัน ทุกคนมีจุดแข็ง และ จุดอ่อนต่างกัน
สำหรับงานวันนี้ “EARTH JUMP” มี 3 เรื่องสำคัญที่อยากแบ่งปัน
1. Health Check คือ ตรวจสุขภาพของตัวเองและองค์กรว่าเป็นอย่างไร ซึ่งปีที่ผ่านมาการดำเนินงานของธนาคารมีการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 72,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (tCO2e) ขณะที่ปล่อยผ่านสินเชื่อที่ให้กับลูกค้าเพื่อใช้ในการผลิตสินค้า และ บริการอีก 48 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (tCO2e ) ทั้งนี้ด้านสินเชื่อปล่อยมากกว่า 680 เท่าเทียบกับของธนาคาร การเปลี่ยนจึงไม่ใช่แค่ตัวธนาคาร แต่ต้องช่วยให้ลูกค้าเปลี่ยนผ่านไปสู่ Net Zero ให้ได้ ต้องสัญญาว่าจะลดการปล่อยลงเท่าไรและเมื่อไหร่
2. Commitment คือ ความมุ่งมั่น และ เป้าหมาย โดยตั้งเป้าว่าการดำเนินงานของธนาคารจะเป็น Net Zero ภายในปี 2030 และพอร์ตสินเชื่อจะสอดคล้องกับเป้าหมายประเทศ ตั้งงบสนับสนุนการปล่อยกู้ และลงทุนเพื่อการเปลี่ยนผ่านไว้ที่ 1-2 แสนล้านบาท ธนาคารทำได้แล้ว 1.5 แสนล้านบาท เป็นสินเชื่อสีเขียวหรือ Green Loan หากลูกค้าสนใจมาก ธนาคารก็พร้อมที่จะเพิ่มเป้าหมายขึ้นอีก
3. Solution คือ วิธีการเปลี่ยนผ่านให้สำเร็จ โดยธนาคารได้ลงมือทำไปแล้ว เช่น ติดโซลาร์รูฟท็อป และ เปลี่ยนมาใช้รถ EV และ ลดการใช้กระดาษ ซึ่งมั่นใจว่าในปี 2030 ธนาคารจะ Net Zero ได้จริง และสินเชื่อที่ปล่อยอยู่ตอนนี้ประมาณ 700 เท่าเมื่อเทียบกับ emission ของธนาคาร สิ่งนี้ คือ พลังที่ธนาคารจะใช้สนับสนุนลูกค้าไม่ใช่แค่ให้สินเชื่อ แต่สร้างระบบนิเวศ (Ecosystem) ที่ครบเครื่อง ภายใต้แนวคิด KBank’s Climate Solutions
“ธนาคารจัดงานขึ้นมา เพราะตั้งใจให้ความรู้และแบ่งปันประสบการณ์ เพื่อช่วยให้ทุกคนผ่านความแปรปรวน ผ่านพายุนี้ไปอย่างมีประสิทธิภาพสุด เราสามารถใช้ความรู้ และเครื่องมือที่มีเพื่อคาดการณ์ บริหาร และ จัดการเพื่อก้าวผ่านไปให้ได้ โดยอุปสรรคอาจมาก อาจเหนื่อย แต่ถ้าเราตั้งใจ มีเป้าหมาย มีความมุ่งมั่น เราจะล้มแล้วลุกขึ้นใหม่เหมือนนกฟีนิกซ์ที่เกิดใหม่จากเถ้าถ่าน Race Everything And Roar เราจะเผชิญหน้ากับทุกสิ่ง ลุกขึ้นสู้ และ วิ่งไปสู่เป้าหมายไปด้วยกัน”นางสาวขัตติยา กล่าว
ทางด้านนายพิพิธ เอนกนิธิ ผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า ธนาคารกสิกรไทยปล่อยสินเชื่อสีเขียว คาดว่าจะแตะเป้าหมาย 2 แสนล้านบาทภายในปีนี้ เร็วกว่าแผนที่ตั้งไว้ในปี 2030 จำเป็นจะต้องปรับเพิ่มเป้าหมาย ลูกค้ายังมีความต้องการเข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยจัดกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย 4 กลุ่ม เช่น ถ่านหิน ซีเมนต์ นอกจากนี้ยังมีกลุ่มที่กำลังพิจารณา 2 อุตสาหกรรม คือรถยนต์และอลูมิเนียม
ขณะเดียวกันการกำหนด NDC 2.0 เป็น NDC 3.0 เปลี่ยนจากปี 2065 เร็วขึ้นเป็น 2050 ความต้องการใช้เงินลงทุนมากขึ้น ห่วงว่าปริมาณเงินในระบบจะไม่เพียงพอสำหรับการลงทุนเปลี่ยนผ่าน บริษัทรายใหญ่ เช่นในธุรกิจไฟฟ้าเข้าถึงตลาดทุน ตลาดหุ้นกู้ ส่วนรายกลางและรายเล็กเข้าไม่ถึง เป็นหน้าที่ของธนาคารในการให้ความช่วยเหลือ
“ธนาคารมีบทบาทต้องทำให้ไวและให้ไกล เมื่อต้องอยู่ในเกมส์ จะต้องคิดถึงการหาพันธมิตรต่างประเทศ ที่เป็นเจ้าของเทคโนโลยี เข้ามาช่วย ทำคนเดียวไม่ได้ เพื่อที่จะเป็นผู้ชนะ จะต้องมีเทคโนโลยี มีเงินและรัฐบาลเข้ามาช่วย “นายพิพิธกล่าว
นอกจากนี้ธนาคารกสิกรไทย ยังเป็นผู้ซื้อคาร์บอนเครดิตรายใหญ่ที่สุดในประเทศ และมีผู้ซื้อหลายราย เช่นกลุ่มปตท. โดยธนาคารกสิกรไทยกำลังยกระดับคุณภาพคาร์บอนให้ได้มาตรฐานโลก ทัดเทียมยุโรป เพื่อให้ได้ราคาซื้อขายที่สูงขึ้น และผู้ซื้อคาร์บอนสามารถนำไปใช้เพื่อการส่งออกสินค้า ทดแทนการออกไปซื้อในยุโรป เป้าหมายในการซื้อคาร์บอนของกสิกรไทยไม่ได้ทำเพื่อสร้างรายได้ แต่ต้องการสร้างตลาดที่มีการซื้อขายคาร์บอนเครดิตที่มีมาตรฐานเป็นที่ยอมรับทั่วโลก ท่ามกลางระเบียบโลกใหม่ กฎใหม่ เกมส์เปลี่ยน เช่นบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นฮ่องกง แต่นำเงินไปใช้เปิดโรงงานที่ฮังการี เปิดประตูเข้า EU
สำหรับการดำเนินธุรกิจธนาคารในปี 2568 กสิกรไทยยังคงเป้าหมายเดิม เช่น สินเชื่อทรงตัวจากปีก่อน แม้ว่าภาพรวมของระบบในช่วง 5 เดือนแรกปีนี้จะอ่อนแรงก็ตาม ส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือ NPLs ไตรมาสแรกอยู่ที่ 3.19% คาดว่าในไตรมาสที่ 2 ก็ยังคงรักษาระดับนี้ แต่จะต้องติดตามว่าสหรัฐจะเก็บภาษีนำเข้าจากไทยเพิ่มขึ้นเท่าไร รอผลการเจรจาในไตรมาสที่ 3 และ 4 นี้ หากยังคงเก็บในอัตรา 36% เชื่อว่าจะทำให้ NPLs เพิ่มขึ้นมากแน่นอน ธนาคารฯจะต้องมีการทบทวนประมาณการใหม่
ปัจจุบันพบลูกค้ารายใหญ่เริ่มมีปัญหา นับว่าเป็นเรื่องปกติ ซึ่งธนาคารก็ได้เข้าไปช่วยเหลือ เช่น การปรับโครงสร้างหนี้ ขยายเวลาในการชำระหนี้ออกไป โดยพิจารณาจากกระแสเงินสดจากธุรกิจเพียงพในการชำระภายในกี่ปี เพื่อช่วยให้ธุรกิจเดินหน้าต่อไปได้
” สินเชื่อเราไม่โต แต่มีรายได้จากธุรกิจกองทุนยังขายได้ เช่นกองทุนต่างประเทศ ธุรกิจประกัน ก็ขายได้ รวมถึงการลงทุนของธนาคารด้วย”นายพิพิธกล่าว
