CFARM อัดฉีด 120 ลบ… ลุย ! โปรเจค “ฟาร์มวัวนม-ฟาร์มไก่ไข่”

HoonSmart.com>> CFARM บอร์ดไฟเขียวทุ่มงบ 119.71 ล้านบาท 2 โครงการใหญ่ “ฟาร์มวัวนม -ฟาร์มไก่ไข่ 200,000 ตัว ”  ยกระดับการผลิตอาหารสดในประเทศ ตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่ใส่ใจในคุณภาพและความปลอดภัยของอาหาร

ผศ.ดร.ศิริรักษ์ ขาวไชยมหา รองกรรมการผู้จัดการสายงานบัญชีและการเงิน  พร้อมด้วยนางสาวมธุชา จึงธนสมบูรณ์ รองกรรมการผู้จัดการสายงานการจัดการ บริษัท ชูวิทย์ฟาร์ม (2019) (CFARM) ร่วมนำเสนอข้อมูลในงานบริษัทจดทะเบียนพบนักลงทุน Opportunity Day ประจำไตรมาส 1/2568 ว่า คณะกรรมการบริษัทอนุมัติลงทุนโครงการฟาร์มไก่ไข่บนที่ดินของบริษัทในจังหวัดบุรีรัมย์ มูลค่ารวม 119.71 ล้านบาท เพื่อรองรับแม่ไก่ไข่จำนวน 200,000 ตัวในระบบการเลี้ยงแบบยืนกรง (caged layer) ภายใต้โมเดลธุรกิจ Contract Farming ซึ่งใช้หลักการบริหารจัดการที่ใกล้เคียงกับธุรกิจไก่เนื้อของบริษัท

โครงการอยู่ระหว่างคัดเลือกผู้รับเหมาก่อสร้างผ่านกระบวนการเปรียบเทียบราคา และได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากทุนหมุนเวียนของบริษัทและการกู้ยืมสถาบันการเงิน ปัจจุบันการก่อสร้างมีความคืบหน้าแล้ว 5% และคาดว่าจะเริ่มรับรู้รายได้และกำไรในไตรมาส 4 ปี 2568

การลงทุนครั้งนี้ มีเป้าหมายเพื่อเสริมสร้างการเติบโตและสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ธุรกิจของบริษัทในระยะยาว โดยอัตราการทำกำไร (มาร์จิ้น) คาดว่าจะอยู่ในระดับเฉลี่ย 7–8% เทียบเท่ากับธุรกิจไก่เนื้อที่ดำเนินอยู่เดิม

ทั้งนี้อุตสาหกรรมไก่ไข่ ยังถือเป็นหนึ่งในภาคเกษตรหลักของประเทศ โดยมีความต้องการภายในประเทศที่มั่นคงและมีศักยภาพในการขยายตลาดส่งออก โดยเฉพาะไปยังกลุ่มประเทศ CLMV ที่ให้ความสำคัญกับคุณภาพและความปลอดภัยของไข่ไก่ ซึ่งบริษัทมุ่งมั่นจะพัฒนาเพื่อเป็นผู้นำในตลาดในอนาคต

สำหรับโครงการฟาร์มโคนม มีความคืบหน้าแล้วประมาณ 20% โดยอยู่ระหว่างการศึกษาระบบการเลี้ยงโคนมและปรับปรุงพื้นที่ให้เหมาะสมกับการผลิตน้ำนมคุณภาพสูง ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างสรุปแหล่งจัดซื้อโคนมพันธุ์ดี จำนวนกว่า 1,250 ตัว เพื่อเลี้ยงในฟาร์มที่จังหวัดบุรีรัมย์ คาดว่าจะสามารถนำเข้าโคนมได้ภายในช่วงปลายไตรมาส 3 ปี 2568 และเริ่มรีดนมดิบล็อตแรกภายในไตรมาส 1 ปี 2569

โครงการนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการวางรากฐานเพื่อพัฒนาแบรนด์นมสดของบริษัทในอนาคต เพิ่มความได้เปรียบในการแข่งขัน และสร้างความยั่งยืนให้กับธุรกิจในระยะยาว.

บริษัทยังคงมุ่งมั่นเดินหน้าพัฒนาโครงการฟาร์มทั้ง 2 ประเภทให้ได้ตามแผนที่วางไว้ โดยยึดหลักการบริหารจัดการที่ยั่งยืน เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างความมั่นคงด้านอาหารของประเทศไทยในระยะยาว