HoonSmart.com>>”ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป” (THG) ประชุมผู้ถือหุ้น 9 มิ.ย.นี้ โหวตเพิ่มทุนใหญ่ “รามคำแหง” ผู้ถือหุ้นใหญ่ 24.59% ทุ่มเงิน 5,000 ล้านบาท ซื้อหุ้นเพิ่มทุนพีพี ราคา 8.65 บาท พร้อมใส่เพิ่มตามสิทธิราคา 5 บาท ใช้ชำระหนี้ 5,000 ล้านบาท ลดดอกเบี้ย 300 ล้านบาท เพิ่มกำไร กระแสเงินสด กด D/E สร้าง Synergy เตียงจดทะเบียนรวม 8,500 เตียง ใหญ่อันดับสองรอง BDMS หนุนโตมั่นคง ด้านผลงานปี 68 กำไรชัวร์ ไม่รวมขายที่ดินที่สมุย 2,000 ล้านบาทจากต้นทุนที่ 1,300-1,400 ล้านบาท
นายภูมิพัฒน์ ฉัตรนรเศรษฐ ประธานเจ้าหน้าที่การเงิน บริษัท ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป (THG) เปิดเผยว่า บริษัทฯ กำหนดวันประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2568 ในวันจันทร์ที่ 9 มิ.ย.2568 เวลา 09.00 น. ณ นันทอุทยานสโมสร (ตรงข้ามโรงพยาบาลธนบุรี) เพื่อพิจารณาวาระการเพิ่มทุนจดทะเบียนจำนวน 941,686,960 บาท จากทุนเดิมจำนวน 847,467,400 บาท เป็นทุนใหม่จำนวน 1,789,154,360 บาท มูลค่าที่ตราไว้ หุ้นละ 1 บาท โดยออกและเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนให้แก่บุคคลในวงจำกัด (พีพี) จำนวนไม่เกิน 430.5 ล้านหุ้น ให้แก่ บริษัท โรงพยาบาลรามคำแหง (RAM) ผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับหนึ่งสัดส่วน 24.59% ในราคาหุ้นละ 8.65 บาท มูลค่าทั้งสิ้น 3,723,825,000 บาท ส่วนหุ้นเพิ่มทุนที่เหลือจำนวน 511,186,960 หุ้น เสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิม (RO) อัตราส่วน 5 หุ้นเดิม ต่อ 2 หุ้นใหม่ ราคาหุ้นละ 5 บาท
ทั้งนี้ จะส่งผลให้ RAM ถือหุ้นทั้งสิ้น 49.99% ของทุนเรียกชำระแล้ว ข้ามจุด 25% จึงมีหน้าที่ทำคําเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมด แต่ขอผ่อนผันโดยอาศัยมติที่ประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ (Whitewash) ด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่า 3 ใน 4 ของจำนวนเสียงทั้งหมดของผู้ถือหุ้นที่มาประชุมและมีสิทธิออกเสียงลงคะแนน ไม่นับรวมการออกเสียงของผู้ขอผ่อนผันและบุคคลที่กระทำการร่วมกัน (Concert Party) ส่วนกลุ่มหมอบุญ วนาสิน ปัจจุบันถือหุ้นประมาณ 8% คาดว่าจะไม่ใช้สิทธิซื้อหุ้นเพิ่มทุน ทำให้สัดส่วนการถือหุ้นลดลง
“คาดว่าผู้ถือหุ้นเดิมส่วนใหญ่ จะใช้สิทธิซื้อหุ้นเพิ่มทุน เพราะราคาขายที่กำหนด 5 บาท น่าสนใจ ให้ส่วนลดจากราคาตลาดปัจจุบันค่อนข้างมาก และเปิดโอกาสให้จองซื้อเกินสิทธิได้ รวมถึงบริษัทฯ ยังมีแนวโน้มการเติบโตที่ดี หลังจากได้รับเงินทุนอย่างเพียงพอ สำหรับการชำระหนี้สถาบันการเงินประมาณ 5,000 ล้านบาท คาดว่าดอกเบี้ยจ่ายจะลดลงกว่า 300 ล้านบาทต่อปี เพิ่มกำไร เพิ่มสภาพคล่อง มีกระแสเงินสดเหลือเพื่อนำไปขยายการลงทุน และ/หรือจ่ายปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้น ส่วนหุ้นกู้คงค้างประมาณ 1,700 ล้านบาท ยังมีเวลาอีก 3 และ 5 ปี ถึงจะครบกำหนดชำระคืน สำหรับเงินที่เหลือจากการเพิ่มทุนจะนำไปขยายธุรกิจ และเป็นเงินทุนหมุนเวียน โดยไม่มีโครงการลงทุนขนาดใหญ่ “นายภูมิพัฒน์กล่าว
ปัจจุบันบริษัทฯ มีหนี้สินกับสถาบันการเงินและหุ้นกู้รวมกันประมาณ 9,605 ล้านบาท ซึ่งการชำระหนี้และการปรับโครงสร้างทางการเงิน นอกจากช่วยเพิ่มกำไรจากการลดดอกเบี้ยจ่ายและนำเงินไปขยายการลงทุนเพิ่มศักยภาพในธุรกิจหลัก บริษัทฯ จะมีสถานะทางการเงินและสภาพคล่องดีขึ้นอย่างมาก อัตราส่วนหนี้สินทั้งหมดต่อส่วนของผู้ถือหุ้นจาก 1.53 เท่า ลดลงเหลือ 0.49 เท่า สำหรับอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อส่วนของผู้ถือหุ้นจาก 1.21 เท่า ลดลงเหลือ 0.28 เท่า เชื่อว่าจะสามารถเรียกความเชื่อมั่นของบริษัทกลับคืนมาได้
นอกจากนี้ยังมีการสร้าง Synergy กับกลุ่มรามคำแหง จาก economies of scale ทั้งด้านเครือข่ายบริการสุขภาพ ทรัพยากร และแผนขยายการลงทุน หนุนการเติบโตระยะยาวของ THG อย่างมั่นคงและยั่งยืน
“เราทั้งสองกลุ่มจะมีจำนวนเตียงจดทะเบียนรวม 8,500 เตียง มาจากกลุ่มรามจำนวน 6,800 เตียง และTHG จำนวน 1,700 เตียง นับว่าใหญ่เป็นอันดับที่สองในประเทศไทย น้อยกว่าบริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ หรือ BDMS เพียง 300 เตียง นอกจากนี้ทำเลที่ตั้งและกลุ่มลูกค้าของทั้งสองกลุ่มยังมีความแตกต่างกัน หลังเพิ่มทุน สามารถขยายตลาดและกลุ่มลูกค้าใหญ่ขึ้น รวมถึงอำนาจต่อรองในการซื้อยา และเวชภัณฑ์ คาดว่าจะได้ในราคาที่ถูกลงประมาณ 4-5% ไม่รวมการซื้อเครื่องมือและอุปกรณ์ “นายภูมิพัฒน์กล่าว
ขณะเดียวกันยังมีการบริหารทรัพย์สินที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ปัจจุบันกำลังเจรจาขายที่ดินที่สมุยกว่า 200 ไร่ คาดว่าจะจบดีลภายในปีนี้ มูลค่า 2,000 ล้านบาท ได้กำไรจากต้นทุนที่ประมาณ 1,300-1,400 ล้านบาท รวมถึงการปรับแผนการเปิดดำเนินการของบริษัทในกลุ่ม ส่วนการตั้งด้อยค่าของโครงการ จิณณ์ เวลบีอิ้ง เคาน์ตี้ จำนวน 1,500 ล้านบาท และ โรงพยาบาลธนบุรี บำรุงเมือง 1,300 ล้านบาท จะทยอยรับรู้กลับมาเป็นกำไรตามการสร้างผลตอบแทน และโครงการจินน์ฯยังมีมูลค่ารอการขายอีก 700 ล้านบาท หลังจากขายได้แล้วกว่า 54% ส่วนโครงการลงทุนอายูที่เมียนมาก็ไปได้ดี สำหรับเวียดนาม เพิ่งเปิดดำเนินการปีนี้ยังไม่มีกำไร
ด้านผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 1/2568 THG มีกำไรสุทธิ 13 ล้านบาท เท่ากับกำไรหุ้นละ 0.02 บาท ดีขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนหน้าที่มีกำไรสุทธิ 6 ล้านบาท หรือ 0.01 บาทต่อหุ้น