TU ผนึก ADB หนุนอุตฯอาหารทะเลไทยมั่นคง ซื้อกุ้งมีใบรับรอง มุ่งสินเชื่อยาวยั่งยืน 100%

HoonSmart.com>>”ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป” (TU) ตอกย้ำผู้นำธุรกิจเพื่อความยั่งยืน ธนาคารพัฒนาเอเชีย (ADB) สนับสนุน Blue Loan  150 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 5,000 ล้านบาท นำโซลูชั่น พลิกโฉมอุตสาหกรรมอาหารทะเลไทย เดินหน้าเพาะเลี้ยงกุุ้งยั่งยืน TU ตั้งเป้าซื้อจากผู้เลี้ยงที่มีใบรับรองตามมาตรฐานโลก ล่าสุดส่งออกกุ้งมูลค่า 15,000 ล้านบาท เดินหน้าสินเชื่อระยะยาวยั่งยืน 100% ปัจจุบันสัดส่วน 78%ของเม็ดเงิน 45,000 ล้านบาท เผย KPI เข้าเป้า ช่วยลดดอกเบี้ยลง 0.1-0.15%

บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป (TU )ได้รับการสนับสนุนเงินกู้ Blue Loan จากธนาคารพัฒนาเอเชีย (ADB) วงเงินรวม 150 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 5,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นบริษัทแรกของอุตสาหกรรมอาหารทะเลในประเทศไทย ด้วยความตระหนักถึงความสำคัญกับการผลิตอาหารทะเลอย่างยั่งยืน การยกระดับการเพาะเลี้ยงกุ้ง จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถของประเทศไทยในฐานะผู้นำด้านอาหารทะเลระดับโลก และยังสอดคล้องกับทิศทางของประเทศที่กำลังปรับตัวและมุ่งสู่ศรษฐกิจทางทะเลที่ยั่งยืน หรือ Blue Economy

“TU และ ADB นำ Blue Finance Solutions พลิกโฉมอุตสาหกรรมอาหารทะเลไทยสู่ความยั่งยืน ตอกย้ำความเป็นผู้นำอุตสาหกรรมอาหารทะเลระดับโลกที่ดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบของกลุ่มไทยยูเนี่ยน”

ปัจจุบันเศรษฐกิจที่พึ่งพาทรัพยากรทางทะเลของไทยมีสัดส่วนประมาณ 30%ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ซึ่งสูงเป็นอันดับสองในภูมิภาคอินโดแปซิฟิก และเป็นแหล่งเลี้ยงชีพของประชากรเกือบ 1 ใน 4 ของ 23 จังหวัดชายฝั่งทะเลของไทย ด้วยอุตสาหกรรมหลักอย่างท่าเรือ การเดินเรือ และการท่องเที่ยวชายฝั่งที่มีการพึ่งพาทรัพยากรทางทะเล ดังนั้น การบริหารจัดการเพื่อดูแลท้องทะเลอย่างยั่งยืนจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการรักษาอนาคตทางเศรษฐกิจของประเทศ และการบรรลุเป้าหมายการก้าวสู่ประเทศพัฒนาแล้วภายในปี 2580

นายลูโดวิค การ์นิเย่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มงานการเงิน บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป กล่าวว่า ความร่วมมือกับ ADB ในครั้งนี้ตอกย้ำถึงความเป็นผู้นำอุตสาหกรรมอาหารทะเลอย่างยั่งยืน และสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของไทยยูเนี่ยนในการขับเคลื่อนการเติบโตทางธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบผ่านกระบวนการผลิตอาหารทะเล จัดหาวัตถุดิบ และเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำอย่างยั่งยืน เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวก พร้อมทั้งส่งเสริมการพัฒนา Blue Economy ของประเทศไทยให้เติบโตต่อเนื่อง

การผนึกกำลังความร่วมมือของภาคส่วนต่างๆในการสร้างความยั่งยืนให้อุตสาหกรรมผลิตอาหารทะเล ส่งผลให้ประเทศไทยเป็นแบบอย่างที่ดีในการการนำนวัตกรรมทางการเงินมาเป็นเครื่องมือในการปกป้องดูแลทรัพยากรทางทะเล พร้อมดูแลความเป็นอยู่ของผู้คน และสร้างความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจได้อย่างยั่งยืน

ทางด้านนายยงยุทธ เสฎฐวิวรรธน์ กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายการบริหารการเงินกลุ่มและศูนย์บริการร่วมทางการเงิน บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป (TU) กล่าวว่า TU ได้รับการสนับสนุนทางการเงินจาก ADB และยังมีกองทุนสำหรับการจัดอบรมยกระดับผู้เลี้ยงกุ้งของไทย เพื่อให้ได้ใบรับรอง (Certificate) ตามมาตรฐานโลก โดย TU ตั้งเป้าจะซื้อกุ้งจากผู้เลี้ยงที่มีใบรับรองทั้ง 100% ในปี 2030 ปัจจุบันมีสัดส่วน 60%  ซึ่งการส่งออกกุ้งที่มีใบรับรอง นอกจากได้ราคาขายที่ดีกว่าปกติแล้ว ยังมีลูกค้ามากขึ้นด้วย

นอกจากนี้ กลุ่ม TU ได้ตั้งเป้าหมายตั้งแต่ปี 2020 ที่จะปรับพอร์ตสินเชื่อระยะยาว เป็นสินเชื่อเพื่อความยั่งยืนทั้งหมด 100% ปัจจุบันอยู่ในระหว่างการดำเนินการเฟส 2 มีสัดส่วนประมาณ 78% ของมูลค่าสินเชื่อระยะยาวทั้งหมด 45,000 ล้านบาท

” เราอยากเปลี่ยนสินเชื่อระยะยาวเพื่อความยั่งยืน นอกจากสร้างภาพลักษณ์ที่ดีแล้ว ยังสามารถเข้าถึงแหล่งเงินกู้ได้มากขึ้น เพราะสอดคล้องกับแผนธุรกิจของธนาคาร และกลุ่ม TU สามารถต่อรองราคาได้ดีขึ้น กรณีเป็นสินเชื่อที่ใช้ KPI เป็นตัววัดประสิทธิภาพเรื่องความยั่งยืน เมื่อเราทำได้ตามเงื่อนไขก็สามารถลดต้นทุนได้ด้วย ที่ผ่านมาเราลดดอกเบี้ยลงได้ 0.1-0.15% “นายยงยุทธกล่าว

นายอานุช เมธา ผู้อำนวยการสำนักงานผู้แทนธนาคารพัฒนาเอเชีย กล่าวว่า ปัจจุบันการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำให้ผลผลิตอาหารทะเลมากกว่าครึ่งหนึ่งของโลก โดยแหล่งผลิตหลักอยู่ในเอเชีย รวมถึงประเทศไทย ความร่วมมือกันในครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นว่า Blue Finance สามารถขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้กับอุตสาหกรรมอาหารทะเลให้สามารถปรับตัวรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศได้ควบคู่ไปกับการเติบโตของเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน โดยการออกวงเงินกู้ดังกล่าวนับเป็นครั้งแรกของ ADB ที่จัดสรรให้กับภาคเอกชนในอุตสาหกรรมอาหารทะเลของประเทศไทย ซึ่งจะช่วยให้การกระบวนการผลิตกุ้งของประเทศมีความยั่งยืนและเข้มแข็งยิ่งขึ้น

ภายใต้วงเงินกู้ด้านความยั่งยืนทางทะเลที่ได้รับในครั้งนี้ จะช่วยยกระดับขีดความสามารถด้านการจัดหาวัตถุดิบกุ้งที่เพาะเลี้ยงอย่างยั่งยืนที่ได้การยอมรับในระดับโลกจาก Global Sustainable Seafood Initiative หรือ GSSI เช่น มาตรฐาน Aquaculture Stewardship Council หรือ ASC และมาตรฐาน Best Aquaculture Practices หรือ BAP หรือจัดซื้อจากฟาร์มที่เข้าร่วมโครงการพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำที่มีความน่าเชื่อถือ (Aquaculture Improvement Projects หรือ AIPs)

แนวทางนี้ให้ความสำคัญกับเรื่องสิ่งแวดล้อมและความรับผิดชอบต่อสังคม ได้แก่ การปกป้องความหลากหลายทางชีวภาพ การตรวจสอบแหล่งที่มาของอาหารกุ้ง และการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการใช้พลังงานหมุนเวียน ปรับปรุงประสิทธิภาพอัตราแลกเนื้อ (FCR) รวมถึง การป้องกันการตัดไม้ทำลายป่า ตลอดตนส่งเสริมการใช้แรงงานที่เป็นธรรมและการทำงานร่วมกับชุมชน

ภายในงานยังมีการจัดเสวนาเพื่อแลกเปลี่ยนแนวทางขับเคลื่อนธุรกิจเพื่อสร้างการเติบโตของ Blue Economy ด้วย Finance solutions โดยมี ตัวแทนจากไทยยูเนี่ยน และธนาคารพาณิชย์ชั้นนำที่เป็นพันธมิตรทางการเงิน 6 แห่ง ได้แก่ ธนาคารแห่งประเทศจีน, ธนาคารเอชเอสบีซี (HSBC), ธนาคารเอ็มยูเอฟจี  (MUFG), ธนาคาร OCBC, ธนาคารซูมิโตโม มิตซุย แบงกิ้ง คอร์ปอเรชั่น (SMBC) และธนาคารยูไนเต็ด โอเวอร์ซีส์ (UOB)

นายอดัม เบรนนัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านความยั่งยืนและการสื่อสาร บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป   ว่า ความร่วมมือครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่น ความตั้งใจที่มุ่งผลิตอาหารทะเลด้วยความรับผิดชอบ และยังสอดคล้องกับกลยุทธ์ด้านความยั่งยืน SeaChange® 2030 ของไทยยูเนี่ยน และด้วยวงเงินสนับสนุนทางการเงินจาก ADB ในครั้งนี้ จะเป็นอีกหนึ่งกำลังสำคัญที่ช่วยให้ก้าวสู่การเป็นผู้นำระดับโลกในกลุ่มอุตสาหกรรมอาหารและโภชนาการเพื่อสุขภาพจากท้องทะเล ที่ได้รับการยอมรับว่าดำเนินธุรกิจโปร่งใสตรวจสอบได้ มีนวัตกรรม และให้ความสำคัญต่อผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและสังคมในระยะยาว