FETCO ชี้หุ้นทรงตัวต่อ 3 เดือน กลุ่มท่องเที่ยวน่าลงทุนสุด

HoonSmart.com >>ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน  3 เดือนข้างหน้าทรงตัว คาดสิ้นไตรมาส 2 ดัชนีอยู่ที่ 1,447 จุด

นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index) ผลสำรวจในเดือนเมษายน 2567 (สำรวจระหว่างวันที่ 19–30 เมษายน 2567)  พบว่า “ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index: ICI) ในอีก 3 เดือนข้างหน้าอยู่ที่ระดับ 92.29 โดยยังคงอยู่ในเกณฑ์ “ทรงตัว” ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3

ทั้งนี้ ความเชื่อมั่นกลุ่มนักลงทุนบุคคล และกลุ่มบัญชีบริษัทหลักทรัพย์อยู่ในเกณฑ์ “ซบเซา” ความเชื่อมั่นกลุ่มนักลงทุนสถาบันอยู่ในเกณฑ์ “ร้อนแรง” ในขณะที่กลุ่มนักลงทุนต่างประเทศอยู่ในเกณฑ์ “ทรงตัว”


นักลงทุนมองว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ เป็นปัจจัยหนุนความเชื่อมั่นมากที่สุด รองลงมาคือการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศและการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว

ในขณะที่ปัจจัยที่ฉุดความเชื่อมั่นนักลงทุนมากที่สุด ได้แก่  สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างประเทศ จากเดิมที่ประเด็นนี้เป็นเรื่องรองๆ  รองลงมาคือสถานการณ์เงินเฟ้อ และผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน
หมวดธุรกิจที่น่าสนใจมากที่สุด คือ หมวดท่องเที่ยวและสันทนาการ (TOURISM)หมวดธุรกิจที่ไม่น่าสนใจมากที่สุด คือ หมวดแฟชั่น (FASHION)

ปัจจัยหนุนที่มีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นไทยมากที่สุด คือ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐปัจจัยฉุดที่มีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นไทยมากที่สุด คือ  สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างประเทศ
ในช่วงต้นเดือนเมษายน 2567 SET Index แกว่งตัวอยู่ในกรอบแคบและมีมูลค่าซื้อขายเบาบางก่อนเข้าสู่ช่วงวันหยุดยาว ในช่วงกลางเดือน SET Index ปรับตัวขึ้นเหนือระดับ 1,400 จุด โดยได้แรงหนุนจากเงินทุนไหลเข้าจากต่างประเทศก่อนการประกาศผลประกอบการไตรมาส 1/2567 ก่อนจะปรับตัวลงแรงหลังเทศกาลสงกรานต์จากความกังวลต่อสถานการณ์ความขัดแย้งในอิสราเอลและอิหร่าน และผลประมาณการตัวเลข GDP สหรัฐฯ ไตรมาส 1 ปี 2567 ขยายตัวที่ 1.6% ซึ่งต่ำกว่าคาดการณ์ที่ 2.4% และเป็นการชะลอตัวที่ต่ำที่สุดในรอบ 2 ปี

โดย SET Index ณ สิ้นเดือนเมษายน 2567 ปิดที่ 1,367.95 ปรับตัวลดลง  0.7% จากเดือนก่อนหน้า ปริมาณซื้อขายเฉลี่ยต่อวันในเดือนเมษายน 2567 อยู่ที่ 45,435 ล้านบาท และนักลงทุนต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิกว่า 3,787 ล้านบาท  โดยตั้งแต่ต้นปี นักลงทุนต่างชาติยังคงขายสุทธิกว่า 65,075 ล้านบาท

ปัจจัยต่างประเทศที่ต้องติดตามได้แก่ แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยทั่วโลกที่ยังทรงตัวอยู่ในระดับสูง อีกทั้งตัวเลขเงินเฟ้อในสหรัฐอเมริกายังอยู่ในระดับสูงซึ่งจะส่งผลต่อการตัดสินใจของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ในการคงอัตราดอกเบี้ยต่อไป

รวมถึงต้องจับตามองสถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลางที่ยังมีความไม่แน่นอน  ในส่วนของปัจจัยในประเทศที่น่าติดตาม ได้แก่ มาตรการภาครัฐในกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นเพื่อประคองเศรษฐกิจ ความชัดเจนของโครงการดิจิทัลวอลเล็ต และแนวโน้มการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในช่วงครึ่งหลังของปี 2567