“คิงส์ฟอร์ด” คาดดัชนีเคลื่อนไหวกรอบ 1,165-1,185 จุดแนะ GPSC-KCG

HoonSmart.com>>บล.คิงส์ฟอร์ด คาดแนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้ ดัชนี Sideways กรอบ 1,165-1,185 จุด ดัชนีมีความผันผวนสูงจากมาตรการภาษีทรัมป์ที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ เมื่อวันศุกร์ปิดลบ รับความเสี่ยงสงครามการค้าสูงขึ้น หลังทรัมป์เสนอเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากยุโรปอัตรา 50% อาจเริ่ม 1 มิ.ย.68 นี้ หุ้นเด่นแนะนำ GPSC, KCG

บริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด ประเมินดัชนี SET Index วันนี้ Sideways ในกรอบ 1,165-1,185 จุด ดัชนีมีความผันผวนสูงจากมาตรการภาษีของทรัมป์ที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา แม้เช้านี้มีปัจจัยบวกจากการเลื่อนเก็บภาษี EU ที่ 50% ออกไปแต่มองการฟื้นตัวยังถูกจำกัดหลังตลาดรับรู้ประเด็นการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนไปพอสมควร

ประเด็นในประเทศที่ยังต้องติดตามในสัปดาห์นี้ 1.เจรจาการข้อตกลงการค้าสหรัฐ – ไทย 2.ตัเวลขส่งออก เดือน เม.ย.68 และ 3.การพิจารณาร่างงบประมาณรายจ่ายปี 69 วงเงินไม่เกิน 3.78 ล้านล้านบาท ที่เข้าพิจารณาวาระแรกในวันที่ 28 – 30 พ.ค.

ด้านตลาดหุ้นสหรัฐเมื่อวันศุกร์ DJIA -0.61%, S&P500 -0.67%, Nasdaq -1.00% และตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 -0.93% ปรับลดลงรับความเสี่ยงประเด็นสงครามการค้าที่สูงขึ้น หลังประธานาธิบดีทรัมป์เสนอให้เก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากยุโรปในอัตรา 50% และอาจเริ่มในวันที่ 1 มิ.ย.68

ขณะที่ Earning Outlook ของ บจ.ในช่วงที่เหลือของปีอาจจะถูกกดดันจากแนวโน้ม GDP กำลังซื้อในประเทศและจำนวนนักท่องเที่ยวลดลงกว่าคาด กลยุทธ์การลงทุนแนะเลือกเล่นหุ้นรายตัวอย่าง KBANK, SCB, CPF, GFPT, TFG, OSP, SCC, IVL, TOP, GPSC, GULF

หุ้นเด่นแนะนำ GPSC (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 37.50 บาท) บริษัทรายงานกำไรสุทธิ 1Q68 ที่ 1.1 พันล้านบาท +14%QoQ, +32%YoY ดีกว่าคาด โดยกำไรที่ +QoQ เพราะผ่านช่วง low season ของการขายไฟฟ้า ขณะที่ SG&A ลดลงตามปัจจัยฤดูกาล ส่วนแบ่งกำไรจากโครงการ Solar อินเดีย (Avaada) ทยอยดีขึ้น สำหรับกำไรที่ +YoY จากส่วนแบ่งกำไรโครงการ Hydro ไซยะบุรีที่ดีขึ้นตามปริมาณน้ำ ส่วนโครงการ Solar อินเดียมีโครงการทยอย COD เพิ่มขึ้น

นอกจากนี้กำไรจากโรงไฟฟ้า SPP ในไทยยังเพิ่มขึ้น เนื่องจากต้นทุนเชื้อเพลิงทั้งก๊าซฯ ถ่านหินลดลงจากปีก่อน แต่ IPP ยังมีตัวฉุดจากเก็คโค่-วัน ที่รับผลกระทบเรื่องต้นทุนถ่านหิน // แนวโน้ม 2Q68 คาด norm profit น่าจะดีขึ้น QoQ เพราะเป็น high season demand ของการใช้ไฟฟ้า แต่อาจถูกฉุดจากการปรับปรับลดค่าไฟฟ้าในงวดล่าสุดลง ด้านต้นทุนเชื้อเพลิงทรงตัว ส่วนแบ่งกำไรยังอยู่ในเกณฑ์ดีจากอินเดีย ลาว แต่ที่ไต้หวันยังต้องเผชิญค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยและเข้า low season ของโครงการ Wind นอกจากนี้คาดว่าจะเจอ FX loss เพราะเงินบาทแข็งค่า / ส่วน YoY ลดลงเพราะค่าไฟฟ้าที่ปรับลดลงจากปีก่อน

หุ้น KCG* (ซื้อ/ ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 11.34 บาท) กำไรสุทธิ 1Q68 อยู่ที่ 122 ล้านบาท (+71%YoY, -25%QoQ) อ่อนตัว QoQ ตามฤดูกาล แต่ YoY โตได้หนุนจากสินค้ากลุ่ม Food and Bakery Ingredient

ด้าน KCG* เอง วางเป้ารายได้ปี68นี้ +High Single Digit%YoY ปัจจัยขับเคลื่อนหลักจะมาจากสินค้าใหม่ๆ การหาตัวแทนกระจายสินค้าเพิ่มเติม และการให้ความสำคัญกับช่องทางออนไลน์ ขณะที่ในส่วนของต้นทุนค่าใช้จ่ายคาดว่าจะได้ประโยชน์จาก Solar Roof รวมถึงการเปิดใช้งาน KCG Logistic Park ทั้งนี้ ตลาดคาดกำไรสุทธิ KCG* ปี68 และ69 จะอยู่ที่ 468 ล้านบาท (+15%YoY) และ 516 ล้านบาท (+10%YoY)

 
 
 
 
 
 
———————————————————————————————————————————————————–