HoonSmart.com >> บล.CGSI คาดการณ์หุ้นไทย (26 พ.ค.) SET Index ขึ้น-ลงแคบ ๆ และซึมบริเวณ 1,150-1,195 จากปัจจัยภายนอก ความกังวลหนี้ และการคลังสหรัฐฯ กดดันการลงทุนสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลก และ fund flow ไหลเข้าสินทรัพย์ปลอดภัย เงินดอลลาร์อ่อนค่า

บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) หรือ CGSI สรุปภาวะตลาดหุ้นสหรัฐ และทิศทางตลาดหุ้นไทยวันนี้ (26 พ.ค.) โดย : Trend Spotter
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ :
ตลาดหุ้นสหรัฐ (23 พ.ค.) DJIA (-0.61% dod, -2.47% wow), S&P500 (-0.67% dod, -2.61% wow) และ Nasdaq (-1.00% dod, -2.47% wow) ปิดลบรายสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจาก
1) การปรับลด Credit rating ของ Moody จากความกังวลหนี้สหรัฐฯ,
2) ตลาดกังวลการขาดดุลงบประมาณของรัฐบาลสหรัฐฯ หลังจากสภาผู้แทนราษฎร สหรัฐฯ อนุมัติต่อร่างกฎหมาย ส่งไปยังวุฒิสภาเพื่อพิจารณาต่อไป
แม้ว่าการผ่านร่างกฎหมาย เป็นไปตามที่รัฐบาล Donald Trump ให้คำมั่นสัญญาไว้ แต่สำนักงานงบประมาณแห่งสภาคองเกรสสหรัฐฯ (CBO) มีความกังวลว่า จะทำให้หนี้สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นในอีก 10 ปีข้างหน้า
ปัจจัยลบดังกล่าวในสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้สะท้อนไปยังอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 2 ปี/ 10 ปี และ 30 ปี ปรับตัวสูงขึ้น กดดันสินทรัพย์เสี่ยงในระยะกลาง พร้อมกับ fund flow ที่ไหลออกจากตลาดสหรัฐ โดย US dollar index ปิดลบ -1.85% wow
นอกจากนี้ สงครามการค้าได้กลับมากดดันสินทรัพย์เสี่ยงเพิ่มเติมอีกครั้งในท้ายสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจาก “ทรัมป์” เสนอให้เก็บภาษีนำเข้าจากสินค้า EU 50% เริ่มวันที่ 1 มิ.ย. 2025 อย่างไรก็ตามเช้านี้ ดัชนี Dow Jones future พุ่งขึ้นกว่า 300 จุด ขานรับการเลื่อนกำหนดการเรียกเก็บภาษีจาก EU ออกไปเป็น 9 ก.ค. 2025
สำหรับสัญญาทองคำ (COMEX) ปิดบวกที่ 3,365.8 US/Oz (+2.15% dod, +5.60% wow) จาก fund flow ไหลเข้าสินทรัพย์ปลอดภัย, เงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง และการ Risk off ในสินทรัพย์เสี่ยงจากพันธบัตรสหรัฐที่อยู่ในระดับสูง
ด้านสัญญาน้ำมันดิบ (WTI) ปิดที่ 61.53 US$/bbl (+0.54% dod, -0.71% wow) ตลาดคาดว่า OPEC+ อาจเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมัน ในเดือน ก.ค. โดยจะมีการประชุมในสัปดาห์หน้า
• SET Index : เราคาดว่า SET Index ยังคงเคลื่อนไหว Sideway ในกรอบซึมบริเวณ 1,150-1,195 จากปัจจัยภายนอก หลังจากทิศทางพันธบัตรสหรัฐฯ ยังปรับตัวสูงขึ้นจากความกังวลหนี้ และการคลังสหรัฐฯ กดดัน sentiment การลงทุนสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลก และ fund flow ที่ยังไหลเข้าสินทรัพย์ปลอดภัยจากสงครามการค้า
อย่างไรก็ตาม แม้สหรัฐฯ จะเลื่อนเก็บภาษี EU ออกไปวันที่ 9 ก.ค. 2025 อาจเป็น sentiment บวกในระยะสั้นรายวัน แต่เราเชื่อว่า จะไม่ส่งผลต่อตลาดหุ้นไทยอย่างมีนัยยะ
สำหรับปัจจัยในประเทศ เราเชื่อว่า ความไม่แน่นอนทางการเมืองระหว่างพรรคเพื่อไทย กับพรรคภูมิใจไทย ทำให้ตลาดยังมี Overhang มีความยืดเยื้อต่อเนื่อง และ กดดันตลาดหุ้นไทย ดังนั้น กลยุทธ์ เรายังคงแนะนำกลุ่ม Domestic defensive ที่ไม่ได้รับความเสี่ยงจากสงครามการค้า และ High yield play อาทิ BDMS PR9, CPN, ERW, GULF, MTC
สัปดาห์นี้ ติดตาม
1) ตัวเลขส่งออก-นำเข้าไทย เม.ย. (วันนี้) ตลาดคาด 12.2% yoy (เดือนก่อน 17.8%), 7.3% yoy (เดือนก่อน 10.2%)
2) ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐ (CB) เดือน พ.ค. (วันนี้), รายงานการประชุม FOMC ของวันที่ 7 พ.ค. (พรุ่งนี้), ดัชนีเงินเฟ้อผู้บริโภค (PCE) เดือน เม.ย. วันศุกร์
3) ผลประกอบการ Magnificent 7 อย่าง NVIDIA วันพุธหลังปิดตลาด
• หุ้นแนะนำ
CPALL : หลังจากผลประกอบการ CPALL ใน 1Q25 ออกมาแข็งแกร่งจากธุรกิจร้านสะดวกซื้อ รวมถึง CPAXT ที่ 1Q25 แข็งแกร่ง (CPALL ถือหุ้น 59.9%) เรามองว่า EPS ยังคงเติบโตแข็งแกร่งใน 2Q25 รวมถึงการซื้อหุ้นคืนมูลค่า 7.5 พันล้านบาท สูงสุด 150 ล้านหุ้นใน 16 พ.ค.- 14 พ.ย. 2025 น่าจะช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นในระยะสั้น
(Take profit : 51.0 / Stop loss : 46.0)
STECON : ผู้บริหารยังคงเป้ารายได้ 3.2 หมื่นล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะมาจากรายไตรมาสที่เหลือของปี และอัตรากำไรขั้นต้นที่ 7% ใน 2025F นอกจากนี้ STECON จะไม่บันทึกส่วนแบ่งการขาดทุนรถไฟสายสีชมพูและสีเหลืองใน 2Q25
(Take profit: 7.25 / Stop loss: 6.85)
#MacroWealthResearch
#CGSInternational
#CGSI
