จิตตะ เวลธ์ชู AI หนุนผลตอบแทนเด่น ชี้เป้าลงทุน “หุ้นจีน-ฮ่องกง”

HoonSmart.com>> “จิตตะ เวลธ์” มุ่งพัฒนา AI เพื่อการลงทุนให้ครอบคลุมทุกมิติ ชู AI Predictive Analytics วิเคราะห์หาโอกาสลงทุนตลาดที่มีแนวโน้มสร้างกำไรดีที่สุดในโลก พบ “หุ้นจีน-ฮ่องกง” น่าลงทุนมากสุด เพื่อรับโอกาสในอนาคต พิสูจน์ฝีมืออัลกอริทึมด้วยค่าเฉลี่ยผลตอบแทนตลอด 4 ปี​​ Jitta Ranking ติดโผ 2 ใน 10 กองทุนในหมวดเดียวกันทั้งอุตสาหกรรม เตรียมเปิดตัว Jitta Card “จ่าย ออม ลงทุน” อัตโนมัติ ง่ายในที่เดียวผ่านแอปพลิเคชั่น ชูแห่งแรกของเอเชีย พร้อมเปิดตัวช่วงครึ่งปีหลัง

นายตราวุทธิ์ เหลืองสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) จิตตะ เวลธ์ จำกัด เปิดเผยว่า ยุคสมัยแห่งปัญญาประดิษฐ์ (AI) เริ่มขึ้นมาหลายปีแล้วและสร้างการเปลี่ยนแปลงให้กับหลายอุตสาหกรรมอย่าง ต่อเนื่องและค่อยๆ เด่นชัดมากขึ้น เช่นเดียวกับธุรกิจการเงินการลงทุนที่ AI ได้เข้ามาเปลี่ยนภูมิทัศน์การลงทุนทั่วโลก เพิ่มศักยภาพและโอกาสการลงทุนให้กับนักลงทุน ด้วยความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกได้ฉลาดยิ่งขึ้น ในเวลาอันรวดเร็ว ช่วยให้การตัดสินใจเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพกว่ามนุษย์หลายเท่า

สำหรับจิตตะ พัฒนา Jitta Intel อัลกอริทึม AI เพื่อการลงทุนของจิตตะมาตลอดช่วง 12 ปีที่ผ่านมา มีการวิเคราะห์และประมวลผล ข้อมูลกว่า 1,000 ล้านชุดข้อมูลต่อวัน วิเคราะห์หุ้นกว่า 48,000 หุ้น ครอบคลุมหุ้น 90% ทั่วโลก เพื่อหาหุ้นที่น่าลงทุนที่สุดของแต่ละตลาด (Jitta Ranking) ตามหลักการลงทุนเน้นคุณค่า (Value Investing: VI) ที่ใช้ศาสตร์ของ ‘Quant VI’ ช่วยคัดหุ้นดีราคาถูก สร้างผลตอบแทนชนะตลาดได้ในระยะยาว จิตตะยังนำ AI มาต่อยอดกับการให้บริการกองทุนส่วนบุคคลของ บลจ.จิตตะ เวลธ์ ด้วยชุดข้อมูลขนาดใหญ่ที่มี ประกอบกับจำนวนกองทุนส่วนบุคคลกว่า 68,000 พอร์ต มากที่สุดในประเทศไทย AI ผ่านการทดสอบกว่า 12 ปี ผ่านทุกวัฏจักรการลงทุน ทั้งช่วงตลาดเติบโตและตกต่ำ และพิสูจน์ผลตอบแทนยิ่งสูงหลังวิกฤติ

นอกจากนี้จิตตะ เวลธ์ ยังนำระบบเทคโนโลยีอัตโนมัติ (Automated Investing) มาบริหารจัดการพอร์ตลงทุนให้กับนักลงทุนอย่างครบทุกมิติ ทั้งการบริหารความเสี่ยง การจัดสินทรัพย์ให้กระจายทั่วโลก รวมถึงการปรับพอร์ตรายบุคคลอัตโนมัติอีกด้วย จิตตะจึงถือเป็นผู้นำในการใช้ AI เพื่อการลงทุนที่แท้จริง

บทพิสูจน์ถึงประสิทธิภาพการทำงานของ AI ในการลงทุนคือ การวัดผลตอบแทน ซึ่งหากเทียบผลตอบแทนของ Jitta Ranking ที่บริหารจัดการการลงทุนด้วย AI กับกองทุนอื่นๆ ในอุตสาหกรรม ตลอดช่วง 4 ปีกับ 1 ไตรมาสที่ผ่านมา พบว่าโดยเฉลี่ยแล้ว ผลตอบแทนของ Jitta Ranking สามารถเอาชนะผลตอบแทนของกองทุนส่วนมากในประเทศได้อย่างน่าตกใจ โดย Jitta Ranking หุ้นเวียดนาม สร้างผลตอบแทน 140.27% เป็นอันดับ 1 ในกลุ่มกองทุนหุ้นเวียดนาม นอกจากนี้ Jitta Ranking หุ้นสหรัฐฯ ก็สร้างผลตอบแทนได้ถึง 77.47% เป็นอันดับ 3 จากกองทุนหุ้นสหรัฐฯ 28 กองทุน

“จากสถิติพบว่าผลตอบแทนของกองทุนที่ Jitta Wealth ใช้ AI ในการบริหารพอร์ต เมื่อนำมาเทียบผลตอบแทนกับกองทุนอื่นๆ แล้ว กองทุนของ Jitta Wealth สามารถสร้างผลตอบแทนเฉลี่ยเป็นอันดับต้นๆ ของกองทุน ที่ลงทุนในสินทรัพย์ประเภทเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็น Jitta Ranking ที่ลงทุนในประเทศต่างๆ หรือ Global ETF ที่กระจายการลงทุนไปทั่วโลก ดังนั้นหากนักลงทุนที่ยังไม่รู้ว่าจะเลือกลงทุนในกองทุนไหนดี การลงทุนกับ Jitta Wealth ก็มีโอกาสที่จะได้ผลตอบแทนได้ดีกว่ากองทุนทั่วไปโดยเฉลี่ย”

ล่าสุดจิตตะ เปิดตัว Jitta Market Prediction ซึ่งเป็นการวิเคราะห์ในแบบ AI Predictive Analytics ที่มีการนำฐานข้อมูลการลงทุนมาวิเคราะห์ในทุกมิติ สร้างโมเดล เพื่อเฟ้นหาตลาดที่น่าลงทุน และมีศักยภาพที่จะสร้างผลกำไรดีที่สุดในอนาคต ช่วยให้การลงทุนมีประสิทธิภาพ แม่นยำ และสร้างผลตอบแทนได้ดีมากขึ้น โดย AI บ่งชี้ว่า เวลานี้ หุ้นจีน-ฮ่องกงเป็นตลาดที่น่าลงทุน และมีโอกาสสร้างผลตอบแทน ในระยะยาวได้มากที่สุด

นายตราวุทธิ์ กล่าวว่า ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาตลาดหุ้นจีนสามารถฟื้นตัวได้จริง ตามที่ได้คาดการณ์ไว้ ผลตอบแทน (YTD) ของ Jitta Ranking ประเทศจีนเป็นอันดับ 1 จาก 115 กองทุนจีนในไทย โดย Jitta Ranking หุ้นจีนเพิ่มขึ้น 21.02% และ Jitta Ranking หุ้นเทคโนโลยีจีน เพิ่มขึ้น 21.16% เทียบกับดัชนี CSI 300 ที่เพิ่มขึ้น 6.44% ขณะที่ Jitta Ranking หุ้นฮ่องกงเพิ่มขึ้น 16.30% เทียบกับดัชนี Hang Seng 5.80%

อย่างไรก็ตามด้วยความเชี่ยวชาญในด้านเทคโนโลยี AI และการบริหารจัดการพอร์ตโดยอัตโนมัติ ทำให้จิตตะ มีข้อมูลวิเคราะห์หุ้นทั่วโลก พอร์ตการลงทุนจำนวนมาก และพฤติกรรมการลงทุนเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพในมิติต่างๆ ตลอดระเวลา 12 ปีที่ผ่านมา รวมถึงอัลกอริทึมได้ผ่านการทดสอบภาวะวิกฤติที่เกิดขึ้นหลายครั้ง หลายครา AI เรียนรู้จากเหตุการณ์และผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจริงของตลาดหุ้น (Evidence- Based) ในทุกวัฏจักรการลงทุนมาแล้ว ทำให้สามารถพัฒนาโซลูชันที่จะทำให้ การลงทุนมีทางเลือกและมีโอกาสมากกว่าที่ผ่านมาได้ดีที่สุด

“เรายังแนะนำลงทุนหุ้นจีน ราคายังถูกมาก และผลตอบแทนก็คุ้มความเสี่ยง รวมถึงหุ้นเทคขนาดเล็ก ที่ราคาปรับตัวลดลงไปมากกว่าหุ้นเทคขนาดใหญ่ หรืออาจจะเลือกลงทุน Global ETF ลงทุนตลาดหุ้นทั่วโลกก็ได้”นายตราวุทธิ์ กล่าว

สำหรับตลาดหุ้นไทย จากข้อมูลพบราคาหุ้นยังถูกอยู่ในจุดที่ลงทุน แต่ราคาถูกไม่เท่าหุ้นจีน และเมื่อเทียบกับหลายตลาดในเอเชีย ซึ่งมีราคาถูกกว่า เช่น ตลาดหุ้นเวียดนาม ทำให้เงินไหลออกไปลงทุนต่างประเทศ จึงแนะนำหาโอกาสลงทุนตลาดต่างประเทศมากกว่า ส่วนตลาดหุ้นอินเดีย ถือว่าราคาแพงมาก แต่ตราบใดที่คนยังใส่เงินเข้าไปหุ้นก็ยังขึ้นได้ จากแนวโน้มเศรษฐกิจเติบโตดี ประชากรเติบโตดี แต่ตลาดหุ้นอาจปรับตัวลง จากราคาที่ขึ้นไปมากและช่วง 2 ปีที่ผ่านมาเงินไหลเข้าไปลงทุนมาก จากการขายหุ้นจีนออก ดังนั้นเมื่อหุ้นจีนฟื้นตัว โอกาสที่คนจะขายทำกำไรหุ้นอินเดียและเข้าตลาดหุ้นจีนได้

“สังเกตุได้ว่าความกลัวของคนหายไปแล้วทั้งตลาดหุ้นจีนและหุ้นสหรัฐ พอบอกไม่ลดดอกเบี้ย หุ้นตกก็เด้งขึ้นความกลัวคนหายไป ดัชนีจะขึ้นประมาณตามการเติบโตของกำไรบจ. เท่านั้น ถ้ายังไม่อยู่เฟสที่คนแห่มาลงทุน ดัชนีจะขึ้นได้มากกว่าการเติบโต เพราะจะมีพี/อีพุ่ง แต่ปีนี้พี/อี ยังไม่พุ่ง เงินยังไม่ไหลเข้ามาลงทุน”นายตราวุทธิ์ กล่าว

นายตราวุทธิ์ กล่าวอีกว่า จิตตะ ยังพัฒนาเทคโนโลยี AI มาเชื่อมต่อระบบนิเวศการเงินส่วนบุคคล ก้าวไปสู่แพลตฟอร์ม เพื่อการใช้จ่าย-ออม-ลงทุน ที่เรียกว่า Jitta Card เทคโนโลยีที่จะมาช่วยปลดล็อกอุปสรรคใหญ่ของคนไทยด้านพฤติกรรมการใช้จ่ายเงิน รวมถึงการไม่มีวินัยที่ดีพอ โดย Jitta Card ถือเป็นปรากฏการณ์ใหม่ ที่ใช้เทคโนโลยีมาออกแบบการลงทุนขนาดเล็ก (Micro Investment) ช่วยให้ทุกการใช้จ่ายมีเงินออม และส่งไปลงทุนได้โดยอัตโนมัติ และเตรียมเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการเป็นแห่งแรกของเอเชียในช่วงครึ่งปีหลังนี้

ปัจจุบัน Jitta Card (Beta)เปิดให้ทดสอบใช้งานแล้ว ผลตอบรับถือว่าดีมาก ซึ่งผู้สนใจสามารถลงชื่อ เพื่อขอใช้งานได้ที่ www.jittacard.com

“จิตตะยังคง เรียนรู้และพัฒนาเทคโนโลยีการเงินและการลงทุน ให้ตอบโจทย์ความต้องการทางการเงินและลดอุปสรรคทางการเงินของคนไทย เพื่อช่วยให้ทุกคนเข้าถึงการลงทุนที่ดีด้วยวิธีการที่เรียบง่าย ซึ่งจะนำไปสู่สุขภาพทางการเงินที่แข็งแกร่งได้ในระยะยาว” นายตราวุทธิ์ กล่าว

ปัจจุบัน Jitta Wealth มี 4 นโยบายลงทุนผ่านหุ้นและ ETF ได้แก่ นโยบาย Jitta Money นโยบาย Global ETF นโยบาย Thematic และนโยบาย Jitta Ranking โดยใช้เทคโนโลยีในการวิเคราะห์คุณภาพสินทรัพย์ และบริหารพอร์ตลงทุนอย่างมีวินัย เพื่อการลงทุนระยะยาว และปัจจุบัน AUM ประมาณ 15,000 ล้านบาท

สำหรับประเด็นภาษีเงินลงทุนต่างประเทศ นักลงทุนส่วนหนึ่งค่อนข้างกลัว แต่ทีมงานได้แนะแนวทางการบริหารจัดการภาษี หากยังไม่นำเงินเข้าประเทศก็ไม่เสียภาษี และหากต้องการลงทุนระยะยาวยังไม่ต้องนำเงินเข้ามาก็ได้ นอกจากนี้ได้เตรียม จิตตะ มันนี่ สำหรับคนที่ลงทุนต่างประเทศก็สามารถพักเงินได้ และปัจจุบันนักลงทุนสามารถสับเปลี่ยนลงทุนได้โดยไม่ต้องนำเงินกลับไทย ทำให้นักลงทุนที่ต้องการลงทุนระยะยาวยังหาโอกาสสร้างผลตอบแทนจากตลาดหุ้นต่างประเทศได้