HoonSmart.com>>”โปร อินไซด์”(PIS) ส่งสัญญาณผลงานไตรมาส 2/68 โตแกร่ง ทยอยรับรู้งานโครงการภาครัฐ-รัฐวิสาหกิจ พร้อมเดินหน้าประมูลงานอย่างต่อเนื่อง วางกลยุทธ์พัฒนาโซลูชั่น AI Generative, ระบบ Cloud-native และ Cybersecurity เพิ่มโอกาสคว้างานใหญ่ระดับพันล้านบาท มั่นใจรายได้ปี 68 แตะ 3,000 ล้านบาท ทำสติถิสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง
นางสาวเบญญาภา เฉลิมวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โปร อินไซด์ (PIS) เปิดเผยว่า แนวโน้มธุรกิจในไตรมาส 2/2568 ยังคงมีทิศทางที่ดีต่อเนื่องจากไตรมาส 1/2568 ปัจจัยหนุนจากการทยอยรับรู้รายได้จากโครงการของภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ โดยบริษัทฯมีงานในมือที่ชนะการประมูลและรอรับรู้รายได้ในอนาคตกว่า 5,350 ล้านบาท ผลักดันผลการดำเนินงานในช่วง 1-3 ปีข้างหน้าเติบโตต่อเนื่อง
“มั่นใจว่าแนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/2568 และช่วงที่เหลือของปีนี้ จะเติบโตได้ดีจากงานในมือที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ อีกทั้งอยู่ระหว่างเตรียมความพร้อมและยื่นประมูลงานในหลายโครงการ และมีโอกาสที่จะได้รับงาน ผลักดันรายได้รวมในปีนี้แตะที่ระดับ 3,000 ล้านบาท สร้างสถิติสูงสุดใหม่ ตามเป้าหมายที่วางไว้” นางสาวเบญญาภา กล่าว
สำหรับกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจ บริษัทฯ มีการขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มใหม่ๆ พร้อมพัฒนาโซลูชันที่สอดคล้องความต้องการของลูกค้าและสามารถปรับตัวได้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีในปัจจุบัน อาทิ การประยุกต์ใช้ AI Generative, ระบบ Cloud-native, Cybersecurity และการวิเคราะห์ข้อมูลขั้นสูง (Advanced Analytics) รวมถึงพัฒนาบุคลากรในทักษะต่างๆ อย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ ยังขยายความร่วมมือกับพันธมิตรเทคโนโลยีระดับโลก เพื่อเสริมศักยภาพในการแข่งขัน ซึ่งเป็นการดำเนินกลยุทธ์เชิงรุกในการกระจายความเสี่ยงของบริษัทฯ ให้สามารถเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร PIS กล่าวอีกว่า บริษัทฯพร้อมเดินหน้าเข้าประมูลงานโครงการของภาครัฐและรัฐวิสาหกิจอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในปัจจุบันได้มีการยื่นประมูลงานใหม่หลายโครงการ และอยู่ระหว่างรอผลการประมูล พร้อมมองหาโอกาสทางธุรกิจในด้านอื่นๆ เพื่อเพิ่มศักยภาพในการเข้ารับงานโครงการที่มีมูลค่ามากกว่า 1 พันล้านบาท
อนึ่ง ผลการดำเนินงานของบริษัทฯในไตรมาส 1/2568 มีรายได้จากธุรกิจหลัก 629 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 146% เทียบงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 256 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 72 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 200% เทียบงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 24 ล้านบาท