บล.บัวหลวงเปิดทางเลือกที่ดีกว่า…ในช่วงหุ้นตกต่ำ

HoonSmart.com>>บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง ยังคงเดินหน้าในการดำเนินธุรกิจ ตามแนวคิด “มั่นคง มั่นใจ มืออาชีพ” มีการเสนอผลิตภัณฑ์การลงทุนที่มีความหลากหลายในสินทรัพย์ต่างๆ วางเป้าหมายเพื่อสร้างกำไรให้แก่นักลงทุนไทย แม้ตลาดหุ้นจะตกต่ำก็ตาม มีทีมงานพร้อมและพัฒนาระบบให้คำแนะนำปรับพอร์ตให้ทันกับการเปลี่ยนแปลง ตามความต้องการของลูกค้าที่ยอมรับความเสี่ยงได้ไม่เท่ากัน มีนโยบายการลงทุนแตกต่างกันทั้งระยะสั้น ระยะกลางและระยะยาว

นายพิเชษฐ สิทธิอำนวย กรรมการผู้อำนวยการ บล.บัวหลวง เปิดเผยว่า ภาพรวมของบริษัทหลักทรัพย์ได้รับผลกระทบจากมูลค่าการซื้อขายในตลาดหุ้นไทยตกต่ำ แต่บล.บัวหลวงยังคงมีกำไร เนื่องจากมีการขยายฐานลูกค้าและกระจายรายได้ นำเสนอผลิตภัณฑ์การลงทุนที่มีความหลากหลาย เพื่อตอบโจทย์ทุกความต้องการให้มากที่สุด ขณะเดียวกันยังคงให้ความสำคัญกับการให้ความรู้แก่นักลงทุน มีทีมงานพร้อมให้ข้อมูลแก่ลูกค้าได้ทันสถานการณ์

อย่างไรก็ตามลูกค้า Active ของบล.บัวหลวงลดลงมาก จากต้นปี 2566 เคยซื้อขายเฉลี่ย 150,000 ราย/ เดือน ลดลงมาอยู่ที่เฉลี่ย 80,000 ราย/เดือน ซึ่งยอมรับว่าลูกค้ารายย่อยหายไปค่อนข้างมาก ตามภาวะตลาดหุ้น และมูลค่าซื้อขายรวมของตลาด  คาดว่าปีนี้จะน้อยกว่าปีก่อน ที่ตลาดหุ้นยังดีในช่วงต้นปี 2566

นายบรรณรงค์ พิชญากร กรรมการผู้จัดการอาวุโส กิจการค้าหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง กล่าวว่า บล.บัวหลวงมีเป้าหมายในการสร้างกำไรให้แก่นักลงทุนไทย แต่ไม่ต้องการเห็นลูกค้าวางเงินลงทุนทั้งหมดไว้ในตลาดหุ้นไทย ซึ่งสามารถกระจายความเสี่ยงและหาโอกาสการลงทุนในโลกกว้าง ในสินทรัพย์ต่างๆ โดยการเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีความหลากหลายให้ลูกค้าเลือกลงทุนตามความเสี่ยงที่ยอมรับได้ โดยมีทีมงานมืออาชีพและระบบที่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง มาแนะนำการลงทุนสร้างความเชื่อมั่นมากขึ้น พร้อมปรับพอร์ตให้ทันตามสถานการณ์

” ตลาดหุ้นไทยเล่นยาก ราคาเหวี่ยง มีทางเลือกในลงทุนที่ให้ผลตอบแทนที่ดี มีกำไรในช่วงหุ้นติดลบได้”

บล.บัวหลวงออก “BLS Top Fund Port” คัดกองทุนตัวท็อป นำเสนอลงทุนต่างประเทศผ่านกองทุนรวมที่ลงทุนในหลายประเทศเพื่อกระจายความเสี่ยง ต่อยอดจากบล.บัวหลวงเป็นตัวแทนขายให้กับ 17-18 บลจ.ช่วยคัดเลือกกองทุนและคอยรีบาลานซ์ตามภาวะตลาด ตอบโจทย์ลูกค้าได้ดี ในภาวะโลกมีความไม่แน่นอนและมีตัวแปรที่อาจคาดการณ์ไม่ถึง

“เราเสิรฟ์แบบ โอมากาเสะ แก้จุดอ่อน เรื่องลูกค้าไม่สะดวก ไม่มีเวลาติดตาม ทำให้บางครั้งพลาดโอกาส ซื้อแล้วไม่ขายในช่วงเวลาที่เหมาะสม เราเลือกกองทุน ปรับเปลี่ยนพอร์ตตามภาวะตลาดให้ ซึ่งสร้างผลตอบแทนที่ดีนับตั้งแต่เปิดตัว 22 ม.ค.2566 จนถึงปัจจุบัน”

ทั้งนี้สิ้นปี 2566 มีลูกค้าจำนวน 400 คน ปัจจุบันเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 600 คน มีมูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการ (AUM) เกือบ 700 ล้านบาท หรือเฉลี่ยมากกว่า 1 ล้านบาท/ราย ตามความเสี่ยงที่ลูกค้าระบุ ซึ่งปีที่ผ่านมาดัชนีหุ้นไทยติดลบประมาณ 15% การลงทุน “BLS Top Fund Port” กรณีเลือกแบบความเสี่ยงสูง สร้างผลตอบแทนเฉลี่ย 10.15% ความเสี่ยงปานกลาง 7.6% และความเสี่ยงต่ำ 3.3% ส่วนปีนี้ในช่วง 4 เดือน ดัชนีหุ้นลดลงเกือบ 4% ผลตอบแทนก็ยังคงเป็นบวกที่ 4.2% 3.0% และ 1.2% ตามลำดับ ดีกว่าการนำเงินลงทุนเก็บไว้ในตลาดหุ้นไทยเพียงอย่างเดียว ซึ่งเปิดโอกาสในการเข้าถึงได้ดียิ่งขึ้น โดยช่วงแรก กำหนดวงเงินลงทุนขั้นต่ำ 1 ล้านบาทปัจจุบันลดลงเหลือ 5 แสนบาท

นอกจากนี้บล.บัวหลวง ยังมีการต่อยอด DCA เป็น EDCA ใช้หนึ่งบัญชีในการเลือกลงทุน DR ที่เป็นตัวแทนดัชนีตลาดหุ้นในหลายประเทศ ซึ่ง บริษัทเป็นผู้ออกมีอยู่ 10 ตัว วางกลยุทธ์ให้ลูกค้าเลือก 4-5 แบบ ระบบจะช่วยบริหารเงินปรับพอร์ตให้แก้จุดอ่อนที่ลูกค้าไม่ได้ขายในช่วงเวลาที่เหมาะสม  อาจจะทำให้พลาดโอกาสได้รับผลตอบแทนที่ดี กำหนดวงเงินลงทุนขั้นต่ำเพียง 5,000 บาท/เดือน  ส่วน DRx หรือ ตราสารแสดงสิทธิในหลักทรัพย์ต่างประเทศ อยู่ระหว่างการศึกษา

สำหรับ Structured  Note หรือหุ้นกู้อนุพันธ์ อ้างอิงราคาหุ้นที่นักลงทุนชื่นชอบ ซึ่งเริ่มเมื่อต้นปี 2566 เจาะกลุ่ม High Networth สามารถให้ผลตอบแทนสูงถึง 11% ต่อปี โดยลูกค้าประมาณ 75% ได้เงินต้นคืนพร้อมผลตอบแทนสูง เมื่อราคาหุ้นขึ้นถึงเป้าหมาย มีเพียง 25%ที่ได้รับเพียงดอกเบี้ย โดยปัจจุบันบล.บัวหลวงมีส่วนแบ่งตลาดประมาณ15% และขยายฐานลูกค้าที่เคยลงทุนในหุ้นและหุ้นกู้

แนะกลยุทธ์แบ่งถือเงินสด รอจังหวะช้อน

นายภูวดล ภูสอดเงิน ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์ปัจจัยพื้นฐาน บล.บัวหลวง กล่าวว่า แนวโน้มหุ้นในเดือนพ.ค. คาดดัชนีแกว่งในกรอบ 1,330-1,430 จุด แนะนำให้ลูกค้าถือเงินสดส่วนหนึ่งประมาณ 30-35% เพื่อรอจังหวะเล่นสั้นในช่วงที่ราคาปรับตัวลงแรงตามข่าวที่เข้ามากระทบ ส่วนการลงทุนระยะกลางและยาว สัดส่วน 70% เลือกธีมหุ้นที่กำไรเติบโตดี เช่น บริษัท เซฟ เฟอร์ทิลิตี้ กรุ๊ป (SAFE) คาดจะมีกำไรดีกว่าที่คาดการณ์ในไตรมาสแรกที่เติบโต 7%และยังมีแนวโน้มที่ดีต่อเนื่องในไตรมาสที่ 2 จากยอดจองการฝากไข่ ซึ่งในช่วงก่อนโควิดมีลูกค้าจีนมาใช้บริการ ปัจจุบันมีลูกค้าเวียดนามเข้ามาเพิ่มเติม และแนะนำบริษัท โอสถสภา (OSP) โรงงานที่พม่าขายดีมาก เพราะไม่มีสินค้าส่งเข้าไปแข่งขัน ส่วนหุ้นกลุ่มเกษตร ราคาไก่ปรับขึ้นไปแล้ว ตอนนี้ราคาหมูก็เพิ่มขึ้น กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง รับข่าวการลงทุนรถไฟฟ้าสายสีส้มและการก่อสร้างสนามบิน 3 แห่ง ไฟแนนซ์รับข่าวดอกเบี้ยลง

นายพิริยพล คงวาณิช ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนบล.บัวหลวงคาดว่า ดัชนีน่าจะผ่านจุดต่ำสุดแล้ว หากสงครามในตะวันออกไม่รุนแรงไม่น่าต่ำกว่า 1,300 จุด แนวโน้มในครึ่งปีหลังจะดีกว่าในช่วง 6 เดือนแรก มีปัจจัยบวกในประเทศสนับสนุน มีการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณปี 67 ดิจิทัลวอลเล็ตมีความชัดเจน ตลาดขานรับคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะปรับลดดอกเบี้ยลง 2 ครั้งแล้ว เริ่มในเดือนมิ.ย.นี้ แนะนำกลุ่มค้าปลีก รับเหมา  กลุ่มนิคมอุตสาหกรรมจะกลับมาจากการย้ายฐานการผลิตส่วนกลุ่มธุรกิจที่ยังมีทิศทางไม่ค่อยดี ได้แก่ กลุ่มปิโตรเคมี กลุ่มยานยนต์ ซึ่งมีโอกาสปรับลดประมาณการกำไรต่อหุ้นลงได้อีก

ทั้งนี้ บล.บัวหลวงได้ปรับคาดการณ์กำไรต่อหุ้นในปี 2567 ที่ 92 บาท/หุ้น ตลาดให้เฉลี่ย 95 บาท/หุ้น เพิ่มขึ้นจากปี 66 ที่  76 บาท/หุ้น ส่วนเป้าหมายดัชนีหุ้นในปีนี้ให้ที่ 1,539 จุด โดยยังคงคาดว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือน ก.ค. และปรับลง 3 ครั้ง จากที่ตลาดคาดไว้ 2 ครั้ง ค่าเงินบาทเคลื่อนไหวที่ 37-38 บาท/ดอลลาร์ ราคาน้ำมันดิบคาดไว้ที่ 90-100 เหรียญ/บาร์เรล