HoonSmart.com>> “มอร์นิ่งสตาร์ รีเสิร์ช” เปิด 5 อันดับ บลจ.กวาดยอดขายกองทุน ThaiESGX ช่วง IPO สูงสุดเป็นกลุ่มบลจ.ลูกแบงก์ “2 บลจ.ใหญ่” ครองยอดขาย 50% “บลจ.กสิกรไทย” แชมป์มูลค่า 248 ล้านบาท รองลงมาบลจ.บัวหลวง 236 ล้านบาท คาดนักลงทุนทยอยเข้าลงทุนจนถึงสิ้นเดือนมิ.ย.68
บริษัท มอร์นิ่งสตาร์ รีเสิร์ช (ประเทศไทย) เปิดเผยมูลค่าการเสนอขายครั้งแรก (IPO) ของกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืนแบบพิเศษ (ThaiESGX) หรือ TESGX ในช่วง 2-8 พ.ค.2568 ที่ผ่านมา สำหรับเงินลงทุนใหม่ พบ 5 อันดับบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ที่มีมูลค่าการเสนอขายสูงสุดล้วนเป็นบลจ.ลูกของธนาคาร
อันดับหนึ่ง บลจ.กสิกรไทย (KAsset) มีมูลค่า 248 ล้านบาท
อันดับสอง บลจ.บัวหลวง (BBLAM) มูลค่า 236 ล้านบาท
อันดับสาม บลจ.ไทยพาณิชย์ (SCBAM) มูลค่า 134 ล้านบาท
อันดับสี่ บลจ.กรุงศรี (KSAM) มูลค่า 54 ล้านบาท
อันดับห้า บลจ.กรุงไทย (KTAM) มูลค่า 48 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม มอร์นิ่งสตาร์ รีเสิร์ช ประเมินเม็ดเงินลงทุนช่วง IPO ยังเพิ่งเริ่มต้น นักลงทุนน่าจะทยอยลงทุนจนถึงสิ้นเดือนมิ.ย.2568 ซึงสิ้นสุดการเปิดให้ลงทุน
สำหรับการสับเปลี่ยนจากกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) มาเป็นกองทุน Thai ESGX เริ่มตั้งแต่วันที่ 13 พ.ค. – 30 มิ.ย.2568
ทั้งนี้ เงื่อนไขการสับเปลี่ยน LTF เป็น Thai ESGX เพื่อรับสิทธิประโยชน์ทางภาษี มีเงื่อนไขสำคัญ ดังนี้
– ต้องสับเปลี่ยน LTF ทุกกองทุน ทุก บลจ. ที่ถืออยู่ ต้องโอนหน่วยลงทุน LTF ทั้งหมดที่ถืออยู่ ณ วันที่ 11 มี.ค.2568 (ยกเว้นหน่วยใน Class SSF) ไปยังกองทุน Thai ESGX หากสับเปลี่ยนไม่ครบ จะไม่ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี
– ช่วงเวลาการสับเปลี่ยน สามารถดำเนินการสับเปลี่ยนได้เฉพาะในช่วงวันที่ 13 พฤษภาคม – 30 มิถุนายน 2568 เท่านั้น
-ห้ามขายหรือสับเปลี่ยน LTF หลังวันที่ 11 มี.ค.2568 หากมีการขายคืนหรือสับเปลี่ยน LTF ไปยังกองทุนอื่น (ทั้งในบลจ.เดียวกันหรือข้ามบลจ.) หลังวันที่ 11 มี.ค.2568 จะหมดสิทธิ์รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีสำหรับการสับเปลี่ยนนี้

