ดาวโจนส์ปิดบวก 253 จุด จับตาบริษัทใหญ่รายงานผลการดำเนินงาน

HoonSmart.com>> ตลาดหุ้นสหรัฐ 3 ดัชนีหลักปิดบวก ดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 253 จุด ดัชนีS&P 500 ฟื้นตัวจากร่วงลง 6 วันติดต่อกัน จากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีดีดตัวขึ้น หลังสถานการณ์ความตึงเครียดในตะวันออกกลางผ่อนคลายลง นักลงทุนจับตารายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนขนาดใหญ่ ด้าน “ราคาน้ำมันดิบ WTI” ลดลง 29 เซนต์ ฟาก “ตลาดหุ้นยุโรป” ปิดบวก

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) วันที่ 22เมษายน 2567 ปิดที่ 38,239.98 จุด เพิ่มขึ้น 253.58 จุด หรือ +0.67% ส่วนดัชนีS&P 500 ฟื้นตัวจากที่ร่วงลง 6 วันติดต่อกัน จากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่ดีดตัวขึ้น หลังสถานการณ์ความตึงเครียดในตะวันออกกลางผ่อนคลายลง ขณะที่นักลงทุนจับตาการรายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนขนาดใหญ่

ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,010.60 จุด เพิ่มขึ้น 43.37 จุด, +0.87%

ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 15,451.31 จุด เพิ่มขึ้น 169.30 จุด, +1.11%

หุ้น Nvidia ผู้ผลิตชิปและAIเพิ่มขึ้น 4.4% จากที่ร่วงไปเกือบ 14% ด้วยแรงเทขายในสัปดาห์ที่แล้ว หุ้น Arm Holdings ดีดตัวขึ้นเกือบ 7%

ราคาน้ำมันดิบสหรัฐร่วงลงหลังจากอิหร่านกล่าวว่าจะไม่ทำให้ความขัดแย้งกับอิสราเอลรุนแรงขึ้น

เทียรี วิซแมน นักกลยุทธ์ของ Macquarie กล่าวว่า มีสองปัจจัยที่ทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกฟื้นตัว คือ การลดลงของราคาทองคำและราคาน้ำมัน และค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่ทรงตัวอีกทั้งความกังวลที่ว่าสงครามในภูมิภาคที่ลุกลามในตะวันออกกลางได้หายไปแล้ว
      
ความสนใจของตลาดตอนนี้อยู่ที่ผลประกอบการของบริษัทเทคโนโลยรายใหญ่โดย เมตา อัลฟาเบท ไมโครซอฟต์ กำหนดรายงานในสัปดาห์นี้ นักลงทุนยังจับตาผลการดำเนินงานของเทสลาที่จะออกมาหลังตลาดปิดในวันอังคาร เนื่องจากบริษัทปรับลดราคารถยนต์ไฟฟ้าในสหรัฐ จีน และตลาดสำคัญอีกหลายแห่ง ราคาหุ้นเทสลา ลดลง 3.4%
      
นอกจากนี้ เจนเนอรัล มอเตอร์, Spotify, อเมริกันแอร์ไลน์ ก็มีกำหนดรายงานผลการดำเนินงานเช่นกัน
      
คริส ฟาซิอาโน ผู้จัดการพอร์ตโฟลิโอของ Commonwealth Financial Network กล่าวว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทใหญ่เหล่านี้จะเป็นตัวบ่งชี้ว่าแรงขายหุ้นเทคโนโลยีจะหยุดหรือยังขายต่อ
      
ในสัปดาห์นี้ยังมีการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญ ได้แก่ GDP ไตรมาส 1 ปีนี้ ในวันพฤหัสบดี และดัชนีราคาการใช้จ่ายการบริโภคส่วนบุคคล (PCE)ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ เดือนมีนาคม ในวัน
      
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า เมื่อเทียบรายปี ดัชนี PCE ทั่วไป (Headline PCE) ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน จะเพิ่มขึ้น 2.6% ส่วนดัชนี PCE พื้นฐาน (Core PCE) ซึ่งไม่รวมหมวดอาหารและพลังงาน จะเพิ่มขึ้น 2.6%
      
ด้านธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)เข้าสู่ช่วงงดให้ความเห็นก่อนการประชุมในวันที่ 30 เมษายน-1 พฤษภาคมนี้

      
ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก โดยดัชนีFTSE 100 ของอังกฤษใกล้ถึงระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากนักลงทุนคลายกังวลจากความตึงเครียดในตะวันออกกลาง และจับตาการรายงานผลประกอบการของธนาคารในยุโรปและยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีของสหรัฐฯ ในปลายสัปดาห์นี้
      
ดัชนี FTSE 100 ของอังกฤษพุ่งขึ้น 1.6% ใกล้ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยได้แรงหนุนจากค่าเงินปอนด์ที่อ่อนค่าลงและราคาโลหะที่พุ่งสูงขึ้น
      
เทรดเดอร์ผ่อนคลายความระมัดระวังลงหลังจากที่อิหร่านกล่าวว่าไม่มีแผนที่จะตอบโต้การโจมตีด้วยโดรนของอิสราเอลเข้ามาในพรมแดน
      
ความสนใจในสัปดาห์นี้อยู่ที่รายงานผลประกอบการจากธนาคารในยุโรป เนื่องจากนักลงทุนอาจจะได้ภาพที่ชัดเจนยิ่งขึ้นว่า อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นยังคงเพิ่มผลกำไรหรือไม่ หรือว่าราคาหุ้นที่ปรับขึ้นมาตลอดทั้งปีจะจบลง
      
นอกจากนี้ยังจับตาผลประกอบการของบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ของสหรัฐ ทั้ง เมตา อัลฟาเบท ไมโครซอฟต์ ในสัปดาห์นี้เช่นกัน รวมไปถึงข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐ
      
ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 502.31 จุด เพิ่มขึ้น 3.02 จุด, +0.60%

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,023.87 จุด เพิ่มขึ้น 128.02 จุด, +1.62%
     
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 8,040.36 จุด เพิ่มขึ้น 17.95 จุด, +0.22%
     
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 17,860.80 จุด เพิ่มขึ้น 123.44 จุด, +0.70%
      
ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนมิถุนายนลดลง 29 เซนต์ หรือ 0.35% ปิดที่ 82.85 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนมิถุนายนลดลง 29 เซนต์ หรือ 0.33% ปิดที่ 87.00 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล