HoonSmart.com>> MEDEZE ประกาศซื้อหุ้น Cordlife ธุรกิจเก็บสเต็มเซลล์ชื่อดังของสิงค์โปร์ 10% มูลค่า 165 ล้านบาท คาดรู้ผลคำเสนอซื้อหุ้นจากนักลงทุนรายย่อยมิ.ย.นี้ ” นพ.วีรพล เขมะรังสรรค์” ซีอีโอ ชี้ช่วยเสริมแกร่งและจุดแข็งของ 2 บริษัท ขยายธุรกิจให้บริการ “เซลล์ต้นกำเนิด” ระดับภูมิภาค
วันนี้ (13 พ.ค.) นายแพทย์วีรพล เขมะรังสรรค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมดีซ กรุ๊ป (MEDEZE) พร้อมด้วยตัวแทนผู้บริหารของบริษัท Cordlife Group Limited ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นสิงคโปร์ ร่วมแถลงข่าวการประกาศซื้อหุ้นบางส่วน ( Partial Offer) ของ Cordlife สัดส่วน 10% จากผู้ถือหุ้นรายย่อย จำนวน 25.63 ล้านหุ้นเศษ มูลค่าการเสนอซื้อ 165 ล้านบาท ผ่านบริษัท Medeze Treasury Pte.LTD. ในสิงคโปร์ บริษัทย่อยของ MEDEZE
คำซื้อครั้งนี้ มีเงื่อนไขต้องได้หุ้น 10% และสิ้นเดือนมิ.ย.นี้รู้ผลคำเสนอซื้อจากผู้ถือหุ้นรายย่อย หากได้ไม่ถึง 10% ยกเลิกคำเสนอซื้อ กรณีมีผู้สนใจซื้อจะทำรายการซื้อขาย-ชำระเงิน เสร็จสิ้น ก.ค.นี้
สำหรับ Cordlife ดำเนินธุรกิจ 22 ปีในสิงคโปร์ มีจุดแข็ง 1.เชี่ยวชาญการจัดเก็บเซลล์ต้นกำเนิดจากเซลล์เม็ดเลือด-สายสะดือ , การตรวจวินิจฉัย คัดกรองโรคเมตาบอลิกในทารกแรกเกิด และการตรวจพันธุกรรมสำหรับครอบครัว และ ฐานการให้บริการ 12 ประเทศ ในภูมิภาคอาเซียน อินเดีย อินโดนีเซีย ฮ่องกง มาเก๊า
ขณะที่ MEDEZE มีจุดแข็ง การจัดเก็บ NK เซลล์ จากสายสะดือ-ไขมัน , เซลล์รากผม
นพ. วีรพล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวว่า หากการซื้อครั้งนี้สำเร็จ จะนำจุดแข็งของ 2 บริษัทเข้ามาเสริมศักยภาพซึ่งกันและกัน เช่น เมดีซ ฯ จะให้บริการเซลล์รากผม และ NK Cells กับฐานลูกค้าของ Cordlife (หากได้รับอนุญาตทางกฎหมาย ) หรือ Cordlife ให้บริการวิเคราะห์โครโมโซม-พันธุกรรมแก่ลูกค้าของ MEDEZE
ดังนั้น การเข้าถือหุ้นสำเร็จ เป็นการร่วมมือหนุนการเติบโตของทั้ง Medeze และ Cordlife ระดับสากล
อย่างไรก็ตาม Cordlife มีการเติบโตต่อเนื่อง รายได้เฉลี่ยราว 55-56 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ (2021-2023) แต่รายได้-กำไรปี 2024 ปรับตัวลงอย่างมากกว่า 42-50% จากเหตุการณ์ปัญหาถัง-อุณหภูมิ จัดเก็บ แต่ได้ดำเนินการแก้ไขและได้รับใบอนุญาตดำเนินธุรกิจเป็นปกติ
Cordlife ปี 2024 มีรายได้ 27.8 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ (707.5 ลบ.) ลดลงจากปี 2023 ถึง 50% , กำไรขั้นต้น 11.7 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ (298.1 ลบ.) ณ.สิ้นธ.ค. 2024 มีสินทรัพย์รวม 3,015 ล้านบาท
” เมดีซ ฯ กรุ๊ป มีเทคโนโลยี ทันสมัย และนวัตกรรมชั้นสูง ผลดำเนินงานมีกำไร มีตลาดที่แข็งแกร่งในไทยและเอเชีย การเงินมั่นคงแข็งแกร่ง ขณะที่ Cordlife ทำธุรกิจ 22 ปี อยู่ในตลาดหุ้นสิงคโปร์ เก็บสเต็มเซลล์จากเลือด วินิจฉัย ตั้งแต่ทารก เชื่อว่าสามารถเป็นเพื่อน เป็นพันธมิตร ทำธุรกิจร่วมกันได้ และการเข้าซื้อหุ้นถือเป็นจังหวะที่ดี มั่นใจว่า Cordlife มีกระบวนการแก้ไขปรับปรุงการจัดเก็บสเต็มเซลล์ ได้ไลเซนต์กลับมาทำธุรกิจเหมือนเดิม ซึ่งได้ปิดความเสี่ยงนี้แล้ว ” นพ.วีรพล กล่าว
ด้านผลดำเนินงาน MEDEZE ไตรมาส 1/2568 กำไรสุทธิ 74.68 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.77 ล้านบาท หรือ 26.76% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน กำไรสุทธิ 58.91 ล้านบาท
ทั้งนี้กลุ่มเมดีซ ฯ มีรายได้รวม Q1/68 จำนวน 228.74 ล้านบาท ลดลงจาก Q4/67 และเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน (YoY) 20%
กำไรสุทธิ 74.63 ล้านบาท ลดลงจาก Q4/67 (QoQ) 24% และเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน 27%
สำหรับรายได้รวมและกำไรสุทธิ ปรับตัวลดลงเทียบ Q4/67( QoQ ) เกิดจากกลุ่มบริษัทมีรายได้จากการบริการให้คำปรึกษาด้านธุรกิจลดลงใน Q1/68
ส่วนรายได้รวม-กำไรสุทธิปรับตัวขึ้น เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน (YoY) เกิดจากไตรมาส 1/67 ยังไม่มีรายได้จากการให้บริการ
สำหรับ Q1/68 กลุ่มบริษัท ฯ มีรายได้ขาย-การให้บริการ 205.08 ล้านบาท , เพิ่มขึ้น 6.16 ล้านบาท หรือ 3% เทียบ QoQ และเทียบ YoY กลุ่มบริษัทมีรายได้ขาย-บริการ เพิ่มขึ้น 21.51 ล้านบท หรือ 12%
สาเหตุที่รายได้ขาย-บริการเติบโตต่อเนื่อง เกิดจากภาพรวมการจัดเก็บสเต็มเซลล์ ที่ยังมีความสำคัญ โดยเฉพาะการจัดเก็บสำหรับเด็กเกิดใหม่ ซึ่งได้เซลล์ที่มีประสิทธิภาพสูงสุด แข็งแรง และมีความพร้อม สำหรับการนำไปใช้ในอนาคต ด้วยความก้าวหน้าด้านนวัตกรรมทางการแพทย์ และมีงานวิจัยที่ได้รับการยอมรับ
ทั้งนี้แนวโน้มการจัดเก็บยังมีความต้องการที่เพิ่มขึ้น อีกทั้งกลุ่มบริษัทฯ มีการเพิ่มขนาดทีมขาย รวมถึงเพิ่มพันธมิตรทางการค้า ที่เป็นตัวแทนให้บริการ (Dealer) และตัวแทนจำหน่าย (Agent) ทำให้เข้าถึงลูกค้าที่มีความต้องการมาจัดเก็บได้มากขึ้น รวมทั้ง กลุ่มบริษัทฯ มีเครือข่ายพันธมิตรบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงสถานพยาบาลที่เพิ่มขึ้น ทำให้กลุ่มบริษัทฯ มีรายได้ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตามเป้าหมายที่วางไว้
รวมถึงในปี 2568 กลุ่มบริษัทฯ มีการเปิดให้บริการผลิตภัณฑ์ใหม่ คือ การจัดเก็บเซลล์รากผม ที่กลุ่มบริษัทฯ เริ่มมีรายได้ในไตรมาสที่ 1 / 2568 จำนวน 3 ล้านบาท คิดเป็น 2% ของรายได้จากการขายและการให้บริการ
