บลจ.กสิกรไทยมองหุ้น “จีน” ลงทุนยาวสะสมได้ ชี้ P/E ต่ำ-จีดีพี Q1/67 โตเกินคาด

HoonSmart.com>> บลจ.กสิกรไทย ชี้เศรษฐกิจจีน Q1/67 ดีเกินคาด เติบโต 5.3% แรงหนุนภาคส่งออกและกิจกรรมด้านการผลิต ส่วนภาคอสังหาฯ-การบริโภคในประเทศยังไม่ฟื้นตัว มองสถานการณ์ตะวันออกกลางอาจส่งผลลบต่อการลงทุน ประเมินระยะสั้นตลาดหุ้นจีนผันผวน ส่วนการลงทุนระยะยาว ยังสะสมได้ ชี้ P/E ค่อนข้างต่ำ เห็นพัฒนาการเชิงบวกจากความพยายายามของทางการจีนในการรักษาเสถียรภาพตลาดทุน ย้ำจัดพอร์ตกระจายลงทุนผ่านกองทุนหลัก K-WealthPLUS Series สัดส่วน 80%

บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กสิกรไทย เผย “เศรษฐกิจจีน” ฟื้นตัวดีเกินคาด สะท้อนจากตัวเลข GDP ของจีนในไตรมาส 1/2567 ที่ออกมาขยายตัว 5.3% (เทียบรายปี) แข็งแกร่งกว่าที่ตลาดคาดการณ์ว่าจะขยายตัวเพียง 4.6% และดีกว่าในไตรมาส 4/2566 ที่ขยายตัว 5.2% เนื่องจากได้รับแรงหนุนจากการฟื้นตัวของการส่งออก และกิจกรรมด้านการผลิต โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานว่า ดัชนี PMI ภาคการผลิตของจีน เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 50.8 ในเดือนมี.ค. จากระดับ 49.1 ในเดือนก.พ. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะอยู่ที่ 49.9 และนับเป็นการอยู่ในแดนขยายตัว (มากกว่า 50) ครั้งแรกในรอบ 6 เดือน​

อย่างไรก็ดี ตัวเลขเศรษฐกิจจีนอื่นๆ ที่ทยอยประกาศตามมาในเดือนมี.ค. ยังสะท้อนภาพเศรษฐกิจที่เปราะบาง อาทิ การผลิตภาคอุตสาหกรรม แม้ปรับตัวขึ้น 4.5% (เทียบรายปี) แต่ยังต่ำกว่าที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 6% ส่วนยอดค้าปลีกปรับตัวขึ้น 3.1% (เทียบรายปี) น้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 4.6% ด้านเงินเฟ้อของจีนยังคงติดลบ ขณะที่ตัวเลขภาคอสังหาฯ ก็ยังคงซบเซา แม้ทางการจีนได้ออกมาตรการกระตุ้นต่างๆ ในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งรวมถึงการผ่อนคลายมาตรการควบคุมการซื้อบ้าน การสนับสนุนด้านนวัตกรรมที่อยู่อาศัยในพื้นที่เขตเมือง และการผลักดันให้ธนาคารพาณิชย์เร่งอนุมัติเงินกู้ให้กับบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่ขาดแคลนเงินสดในการดำเนินธุรกิจ​

บลจ.กสิกรไทย มีมุมมองเชิงลบต่อตลาดหุ้นจีนในระยะสั้น แม้ตัวเลขเศรษฐกิจจีนจะเป็นภาพของการฟื้นตัว แต่เป็นการฟื้นตัวที่ค่อนข้างกระจุกตัวอยู่ในบางภาคส่วน อาทิ ภาคการส่งออก อย่างไรก็ดี ภาคอสังหาริมทรัพย์และการบริโภคภายในประเทศ ยังคงไม่เห็นสัญญาณการฟื้นตัวที่ชัดเจน นอกจากนี้ประเด็นสงครามในตะวันออกกลางอาจส่งผลลบต่อบรรยากาศการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงโดยรวม และทำให้ตลาดผันผวนได้ในระยะสั้น

อย่างไรก็ดี ด้วยมูลค่าที่ค่อนข้างต่ำ Forward P/E MSCI China ที่ 9.0 เท่า และเราเห็นพัฒนาการเชิงบวกในแง่ความพยายามของทางการในการรักษาเสถียรภาพตลาดทุน เช่น การใช้เม็ดเงินจากกองทุนเพื่อรักษาสภาพคล่อง (Stabilization Fund) ในการพยุงตลาดหุ้น และการออกนโยบายปฏิรูปตลาดทุน ทำให้เรามองว่าตลาดหุ้นจีนยังสามารถสะสมได้สำหรับการลงทุนระยะยาว ​

สำหรับพอร์ตแนะนำประจำสัปดาห์ แบ่งเป็น Core Porfolio สัดส่วน 80% กองทุนแนะนำกระจายการลงทุนในตราสารหนี้ หุ้นและสินทรัพย์ทางเลือกทั่วโลกในสัดส่วนที่แตกต่างกันผ่านกองทุน K-WealthPLUS Series และพอร์ต Satellite สัดส่วน 20% ได้แก่ K-STAR, K-GDBOND , K-FIXEDPLUS

สำหรับภาพรวมการลงทุนสัปดาห์ที่ผ่านมาผันผวน ท่ามกลางความไม่แน่นอนเกี่ยวกับทิศทางอัตราเบี้ยของ Fed หลังจากเจ้าหน้าที่ Fed หลายราย แสดงความเห็นไปในทิศทางเดียวกันว่า Fed ยังไม่ควรรีบปรับลดอัตราดอกเบี้ย เพราะเงินเฟ้ออาจใช้เวลานานกว่าที่คาดกว่าจะชะลอตัวลงสู่เป้าหมายของ Fed ที่ระดับ 2% ขณะที่นักวิเคราะห์เริ่มมีการมองถึงโอกาสที่ Fed อาจจะไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้

นอกจากนี้ นักลงทุนยังให้ความสนใจต่อผลประกอบการไตรมาส 1 ที่กำลังทยอยออกมาและจับตาการตอบโต้กันระหว่างอิสราเอิลและอิหร่านที่ยังมีต่อเนื่อง

ขณะที่ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงต่อเนื่องหลังเปิดสงกรานต์ตามทิศทางตลาดหุ้นโลกและแรงขายของนักลงทุนต่างชาติอย่างต่อเนื่อง

ด้านตลาดตราสารหนี้ต่างประเทศ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯอายุ 10 ปี ยังเคลื่อนไหวในระดับสูงเหนือ 4.6% หลังตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกของสหรัฐฯออกมาต่ำกว่าคาดการณ์ หนุนคาดการณ์ Fed จะชะลอการลดดอกเบี้ย

ส่วนตราสารหนี้ไทย ยังแนะนำลงทุนทั้งในพันธบัตรรัฐบาลและตราสารหนี้ภาคเอกชน จากอัตราผลตอบแทนที่อยู่ในระดับน่าสนใจและวัฏจักรดอกเบี้ยขาขึ้นที่สิ้นสุดลง แม้มีความเสี่ยงที่จะผันผวนในช่วงเวลาการลดดอกเบี้ยอาจล่าช้าออกไป

ด้านราคาทองคำ แรงหนุนในการปรับตัวขึ้นเริ่มลดลง นักลงทุนยังคอยติดตามสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางระหว่างอิหร่านและอิสราเอล ส่วนราคาสัญญาณน้ำมันดิบ WTI ปิดปรับตัวลดลงต่อเนื่องจากสัปดาห์ก่อนหน้า จากความกังวลอัตราดอกเบี้ยที่อาจสูงนานกว่าคาดและจะกระทบความต้องการน้ำมัน